ตรัง ชาวบ้าน ต.ลิพัง ร้องคัดค้านสัมปทานโรงโม่หิน ระบุสภาพพื้นที่เป็นหุบเขา มีโรงเรียน ตชด.ตั้งอยู่ ขุดพบวัตถุโบราณ เป็นแหล่งต้นน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตคนทั้งตำบล หวั่นทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
19 ก.ค. 65 – ที่สำนักสงฆ์ศิลาแก้ว บ้านหินจอก หมู่ 6 ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ตัวแทนชาวบ้าน ต.ลิพัง อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการขออนุญาตขอประทานบัตรเหมือนแร่ หรือคัดค้านการสัมปทานโรงโม่หินในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ลิพัง เนื้อที่ประมาณ 173 ไร่ 1 งาน
ซึ่งมีนายทุนพยายามยื่นขอสัมปทานบัตร จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เพราะมีการประกาศขึ้นบัญชีเป็นแหล่งแร่อุตสาหกรรม จ.ตรัง
โดยที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่ได้เคลื่อนไหวคัดค้านมาอย่างต่อเนื่อง และมีการขึ้นป้ายคัดค้านเต็มพื้นที่ ระบุเป็นพื้นที่ที่สถานที่ราชการสำคัญ คือ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนตั้งอยู่ ซึ่ง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จเยี่ยมครูและนักเรียนเป็นประจำทุกปี เพราะทรงห่วงใยสภาพความเป็นอยู่ของเด็กและเยาวชน
นอกจากนี้ ยังได้รับพระราชทานธงพิทักษ์ป่า เพื่อรักษาชีวิตจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงปลูกสร้างความรู้รัก สามัคคี ปรับเปลี่ยนจากอดีตเคยเป็นผู้บุกรุกเพื่อที่อยู่อาศัย แต่มาถึงรุ่นนี้ได้ร่วมกันอนุรักษ์ผืนป่าไม่ให้มีการถูกทำลาย เป็นแหล่งต้นน้ำจากภูเขาหลายสาย หล่อเลี้ยงชาวบ้านในชุมชม
อีกทั้งยังมีการขุดพบแหล่งวัตถุโบราณอีกมากมาย และอยู่ใกล้กับถ้ำเลสเตโกดอน แหล่งธรณีโลก จ.สตูล หวั่นหากมีการระเบิดหิน จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งตำบล 7 หมู่บ้าน ไม่เฉพาะหมู่ 6 แหล่งที่ตั้งเท่านั้นที่เดือดร้อน
โดยครั้งนี้ได้ยื่นหนังสือคัดค้านต่อคณะกรรมาธิการการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายสมชาย ฝั่งชลจิตร รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 4
นายอำนวย มากมูล ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า ปัญหาการขอสัมปทานโรงโม่หินเกิดขึ้นมายาวนานแล้ว แต่ชาวบ้านก็คัดค้านมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้รุนแรงมากกว่าเดิม เพราะมีนายทุนอย่างน้อย 4-5 บริษัท พยายามยื่นขอสัมปทาน แต่ชาวบ้านก็ไม่ยอมแน่นอน
พวกตนจะคัดค้านให้ถึงที่สุด เพื่อเก็บทรัพยากรเอาไว้ให้ลูกหลาน พื้นที่นี้มีโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ที่สมเด็จพระเทพฯ จะเสด็จมาเยี่ยมบ่อยครั้ง ทำให้สภาพพื้นที่มีความเจริญ ชาวบ้านต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณว่า พระองค์ทรงห่วงใยลูกหลานชาวหินจอก ทำให้ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาต่อสู้
ทั้งนี้ ถ้าเกิดการระเบิดหิน จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อต้นน้ำของชาวบ้าน เพราะภูเขาหินจอก เป็นต้นกำเนิดน้ำกินน้ำใช้ของชาวบ้าน มีน้ำหลายๆ สายไหล ทั้งจากทิศตะวันตก ทิศตะวันออก ออกมาจากใต้ภูเขา และไหลไปบรรจบกันบริเวณที่จะมีการขอสัมปทาน
ขณะเดียวกันสภาพพื้นที่ป่าก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ซึ่งตอนนี้การขอสัมปทานอยู่ในขั้นตอนที่ 2 การสอบถามความคิดเห็นของประชาชน ที่ผ่านมาชาวบ้านได้รวมตัวกันและยื่นหนังสือหลายหน่วยงาน เช่น อุตสาหกรรมจังหวัดตรัง อบต.ลิพัง ศูนย์ดำรงธรรม กรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายสมสุข สุขลิ้ม ชาวบ้านในพื้นที่ กล่าวว่า หากสร้างโรงโม่หิน หรือระเบิดหิน ชาวบ้านทั้งตำบล หรืออย่างน้อย 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 2, 6, 7 จะได้รับผลกระทบแน่นอน และก่อนหน้านี้มีการส่งหนังสือเชิญร่วมแสดงความคิดเห็น ระบุเชิญเฉพาะชาวบ้านหมู่ที่ 6 แล้วทำไมไม่เชิญหมู่บ้านข้างเคียงที่ผลกระทบไปถึงเช่นกันมาร่วมเวที
ความจริงแล้วควรเชิญมาทั้งตำบล เพราะ ต.ลิพัง เป็นตำบลขนาดเล็ก มีทั้งหมด 7 หมู่บ้าน และอยู่ติดแนวภูเขาทั้งหมด ทุกคนมีส่วนได้ส่วนเสียกับการสัมปทานของรัฐแน่นอน