ร่างภรรยาพลอาสา ถึงบ้านเกิดแล้ว หลังถูกสามีลั่นไกดับ หน้าที่ว่าการอำเภอ ปมแค้นขอหย่า

Home » ร่างภรรยาพลอาสา ถึงบ้านเกิดแล้ว หลังถูกสามีลั่นไกดับ หน้าที่ว่าการอำเภอ ปมแค้นขอหย่า


ร่างภรรยาพลอาสา ถึงบ้านเกิดแล้ว หลังถูกสามีลั่นไกดับ หน้าที่ว่าการอำเภอ ปมแค้นขอหย่า

ร่างภรรยาพลอาสา ถึงบ้านเกิดแล้ว หลังถูกสามีลั่นไกดับ หน้าที่ว่าการอำเภอ ปมแค้นขอหย่า พี่สาวลั่นส่งคำขอโทษคืน จี้บ้านฝ่ายชายรับผิดชอบ น้องเป็นเสาหลักครอบครัว

จากกรณีที่ พลอาสาประยงค์ ยิง น.ส.เชาวนี ภรรยา หน้าที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากแค้นที่ถูกภรรยาขอหย่า จากนั้นได้หลบหนีไปจบชีวิตตัวเอง ที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ ล่าสุดร่างของพลอาสาประยงค์ ญาติได้นำออกมาจาก รพ.ศรีสะเกษ กลับมาถึงวัดพระใหญ่ ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษแล้ว พร้อมทั้งฝากขอโทษครอบครัวของฝ่ายหญิงที่ต้องมาพบกับความสูญเสียจากการกระทำของพลอาสาประยงค์ในครั้งนี้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.20 น.วันที่ 10 ธ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเขวา ต.กระแชง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสันติชัย อายุ 63 ปี พร้อมด้วย นางถวิล อายุ 59 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.เชาวนี ผู้เสียชีวิค ได้ร่วมกับญาติพี่น้องนำร่างของ น.ส.เชาวนี ออกมาจาก รพ.ศรีสะเกษ เดินทางกลับมาถึงบ้านแล้ว โดยได้มีการประกอบพิธีทางศาสนา

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ ได้มาทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิต เพื่อประกอบสำนวนคดีตามกฎหมาย ต่อมาญาติพี่น้องได้ใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าให้กับ น.ส.เชาวนี แล้วนำร่างลงบรรจุในโลง ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด มีบรรดาญาติพี่น้องพากันมาร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก

นางเปรมวดี อายุ 40 ปี พี่สาวของ น.ส.เชาวนี กล่าวว่า จากการที่ทางฝ่าย พลอาสา ที่ก่อเหตุได้ฝากขอโทษมานั้น ตนขอฝากคำขอโทษส่งคืน หากจะมาขอโทษจะต้องมาด้วยตนเอง มาขอขมาร่างน้องสาว ขอขมาพ่อแม่และครอบครัวของตน ซึ่งครอบครัวของผู้ก่อเหตุยังไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวตนแต่อย่างใด ตนได้ปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะตั้งบำเพ็ญกุศล 3 วัน จากนั้นจะประกอบพิธีฌาปนกิจเนื่องจากว่า ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด จึงไม่สามารถที่จะตั้งบำเพ็ญกุศลได้หลายวัน

นางเปรมวดี กล่าวต่อว่า น.ส.เชาวนี น้องสาวของตน เป็นเสาหลักในการทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว โดยจะต้องรับผิดชอบเลี้ยงลูก 2 คน ตายายอีก 2 คน ซึ่งเมื่อต้องมาสูญเสียเสาหลักไปเช่นนี้ ได้ทำให้ครอบครัวของ น.ส.เชาวนีได้รับความเดือดร้อนมาก เนื่องจากว่า ตายายก็แก่มากแล้ว ไม่สามารถทำมาหากินได้ หลาน 2 คนที่กำลังเรียนหนังสือก็ต้องกำพร้าแม่ ตนและครอบครัวยังไม่รู้เลยว่าจะสู้ชีวิตต่อไปได้หรือไม่อย่างไร

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ