รู้แต่ไม่ห้าม! พ่อแม่ 5 นายพราน งานเข้า กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่-รื้อถอนบ้าน

Home » รู้แต่ไม่ห้าม! พ่อแม่ 5 นายพราน งานเข้า กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่-รื้อถอนบ้าน


รู้แต่ไม่ห้าม! พ่อแม่ 5 นายพราน งานเข้า กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่-รื้อถอนบ้าน

งานเข้า พ่อ-แม่ 5 นายพราน คดียิงเสือโคร่ง-ถลกหนัง กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่-รื้อถอนบ้านออกพ้นเขต อช. ภายใน 30 วัน ปมรู้ว่าผู้ต้องหาทำผิดแต่ไม่ห้าม

วันที่ 18 ม.ค.2565 นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า ตามนโยบาย “ทส.เป็นหนึ่งเดียว” และ “ทส. ยกกำลัง X” ของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตามข้อสั่งการของ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และข้อสั่งการของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ยกระดับการปฏิบัติการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และล่าสัตว์ป่า ให้เด็ดขาด และเข้มข้น ใน จ.กาญจนบุรี

ตามที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายรัชชานนท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี, นายศุภชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี, นายจอแห่ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี, นายกูกือ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี และ นายโซว ไม่มีนามสกุล อายุ 66 ปี ซึ่งทั้งหมดพักอาศัยอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ปิล็อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาล่าสัตว์ป่าคุ้มครอง เสือโคร่ง ที่ใกล้สูญพันธุ์ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาอื่น ๆ อีกรวม 11 ข้อหา

งานเข้า พ่อ-แม่ 5 นายพราน คดียิงเสือโคร่ง-ถลกหนัง กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่-รื้อถอนบ้านออกพ้นเขต อช. ภายใน 30 วัน

งานเข้า พ่อ-แม่ 5 นายพราน คดียิงเสือโคร่ง-ถลกหนัง กรมอุทยานฯ สั่งขับไล่-รื้อถอนบ้านออกพ้นเขต อช. ภายใน 30 วัน

ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน หรือญาติ หรือบริวาร ที่อยู่อาศัยในบ้านหรือโรงเรือนทั้ง 4 หลัง ได้รับการผ่อนปรน ให้อยู่อาศัยในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 แต่มติคณะรัฐมนตรี ด้านป้องกันพื้นที่ ป่าไม้และอื่น ๆ ได้บัญญัติไว้ว่า ถ้ามีการกระทำการใด ๆ อันเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่ หรือขยายพื้นที่อยู่อาศัย ที่ทำกินเพิ่มเติม หรือเป็นการทำลาย หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาป่า หรือสิ่งแวดล้อม

ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยเฉียบขาด และเพื่อป้องกัน มิให้มีการยึดถือครอบครองพื้นที่ ให้ผู้มีอำนาจหน้าที่สั่งให้ผู้กระทำความผิดออกจากพื้นที่ ทำลาย รื้อถอน และหรือดำเนินการอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด

การที่ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ได้กระทำการล่าเสือโคร่งที่เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองใกล้สูญพันธุ์ หรือกระทำการ ผิดกฎหมายข้อหาอื่น ๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ส่วนญาติหรือบริวารที่อยู่อาศัยในบ้านหรือโรงเรือนดังกล่าว รู้ หรือ ควรรู้ ในเรื่องดังกล่าว กับไม่ห้ามปราม การกระทำในลักษณะดังกล่าว เป็นการกระทำที่กระทบกระเทือนต่อการรักษาป่าและสิ่งแวดล้อม จึงเป็นการฝ่าฝืนหรือผิดเงื่อนไข ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย.2541 ด้านป้องกัน

เพราะฉะนั้น ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน หรือญาติ หรือบริวาร ที่อยู่ในบ้านหรือโรงเรือนทั้ง 4 หลัง จึงต้องออกจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และต้องทำลาย รื้อถอน บ้านหรือ โรงเรือน ทั้ง 4 หลัง ออกไปให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ตามมติ ครม. 30 มิ.ย.2541 ด้านป้องกัน ที่ได้บัญญัติไว้

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นวันนี้ตนจึงสั่งการให้ นายกมลาศ อิสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายศรันย์วุฒิ พรสรายุทธ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.18 (วังเกียง) และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า รวม 30 นาย ให้ไปติดประกาศคำสั่งให้ผู้ต้องหาทั้ง 5 คนหรือญาติหรือบริวาร ที่อยู่ในบ้าน หรือโรงเรือนทั้ง 4 หลัง ต้องออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และต้องรื้อถอนบ้านหรือโรงเรือนไปให้พ้นในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ 18 ม.ค.65

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (1) ฐานยึดถือครอบครองที่ดินภายในเขตอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี หรือปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลฎีกาได้เคยมีคำพิพากษา วางแนวเป็นบรรทัดฐานไว้ว่า บุคคลใดถึงแม้อ้างว่า มาอยู่ก่อนหรืออยู่หลังประกาศเป็นเขตอุทยานแห่งชาติ หากมิได้มีกรรมสิทธิ์ หรือสิทธิครอบครองโดยชอบกฎหมายในที่ดินนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย ไม่ว่าจะมาอยู่อาศัยนานเพียงใดก็ตาม เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 2480/2541

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ