Apple เปิดตัว Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะส่วนบุคคลสำหรับ iPhone, iPad และ Mac ที่รวมเอาขุมพลังของโมเดลเจเนอเรทีฟเข้ากับบริบทเฉพาะตัวบุคคลเพื่อส่งมอบข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์และตรงใจผู้ใช้ Apple Intelligence ผสานรวมเป็นหนึ่งเข้ากับ iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ในทุกๆ ส่วน โดยใช้ประโยชน์จากขุมพลังของ Apple Silicon เพื่อทำความเข้าใจและสร้างภาษาและรูปภาพ ทำสิ่งต่างๆ ข้ามไปมาระหว่างแอป และพิจารณาถึงบริบทเฉพาะตัวบุคคลเพื่อช่วยให้สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ Apple ยังสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความเป็นส่วนตัวในด้าน AI ด้วย Private Cloud Compute ที่สามารถรีดพลังและขยายขีดความสามารถในการคำนวณระหว่างการประมวลผลบนอุปกรณ์ กับโมเดลบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่กว่า ซึ่งทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ Apple Silicon ที่จัดสรรไว้โดยเฉพาะ
“เรารู้สึกตื่นเต้นกับการเริ่มต้นบทใหม่ของนวัตกรรม Apple ด้วย Apple Intelligence ที่จะพลิกโฉมสิ่งที่ผู้ใช้สามารถทำได้ด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา และสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถทำให้กับผู้ใช้ได้” Tim Cook ซึ่งเป็น CEO ของ Apple กล่าว “แนวทางที่ไม่เหมือนใครของเราเป็นการนำ AI แบบเจเนอเรทีฟมารวมเข้ากับบริบทเฉพาะตัวของผู้ใช้เพื่อส่งมอบข้อมูลข่าวสารที่ใช้ประโยชน์ได้จริง และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลในแบบที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัยขั้นสุดเพื่อช่วยผู้ใช้ทำสิ่งต่างๆ ที่สำคัญที่สุดสำหรับแต่ละคน เรียกได้ว่านี่คือ AI ที่มีเพียง Apple เท่านั้นที่มอบให้ได้ และเราตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้เห็นผู้ใช้สัมผัสกับสิ่งที่ Apple Intelligence ทำได้”
ความสามารถใหม่ๆ สำหรับการทำความเข้าใจและสร้างภาษา
Apple Intelligence ปลดล็อควิธีใหม่ๆ ที่จะยกระดับการเขียนและการสื่อสารของผู้ใช้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วย Writing Tools ใหม่เอี่ยมที่ผสานรวมเข้ากับ iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ทั้งระบบ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับสำนวนการเขียน พิสูจน์อักษร และสรุปข้อความได้แทบทุกที่ที่เขียน ไม่ว่าจะในแอปเมล, โน้ต, Pages หรือแอปของบริษัทอื่น
ไม่ว่าจะเป็นการปรับโน้ตที่จดในชั้นเรียนให้เป็นระเบียบเรียบร้อย การตรวจดูว่าโพสต์ในบล็อกอ่านง่าย หรือตรวจทานว่าอีเมลเขียนขึ้นอยู่สละสลวย Writing Tools จะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจยิ่งขึ้นในงานเขียนของตน เริ่มจาก Rewrite ที่ใช้พลังของ Apple Intelligence ในการเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ได้เลือกสิ่งที่ตนเขียนจากหลายๆ เวอร์ชั่นเพื่อปรับโทนให้เหมาะกับผู้อ่านและงานที่ทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปรับจดหมายสมัครงานให้เนี้ยบ จนถึงการใส่อารมณ์ขันและความคิดสร้างสรรค์ลงในคำเชิญร่วมปาร์ตี้ Rewrite ก็ช่วยเลือกคำที่เหมาะสมลงตัวกับแต่ละโอกาสได้ ถัดมาคือ Proofread ที่ช่วยตรวจสอบไวยากรณ์ คำที่เลือกใช้ และโครงสร้างประโยค พร้อมเสนอแนะสิ่งที่ควรแก้ รวมถึงคำอธิบายของการแก้ไขนั้น ซึ่งผู้ใช้สามารถตรวจสอบดูก่อนหรือจะยอมรับเลยก็ได้ ในขณะที่ Summarize ให้ผู้ใช้เลือกข้อความเพื่อนำมาสรุปเนื้อหาให้อยู่ในรูปแบบย่อหน้าที่ย่อยง่าย ประเด็นสำคัญที่แยกเป็นข้อๆ ตาราง หรือรายการ
ในแอปเมล การติดตามอีเมลแบบไม่มีพลาดกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าที่เคย เมื่อมี Priority Messages ซึ่งเป็นส่วนใหม่ที่ด้านบนของอินบ็อกซ์ที่จะแสดงอีเมลที่ด่วนที่สุด อย่างอีเมลเชิญร่วมดินเนอร์ในวันเดียวกัน หรือบอร์ดิ้งพาส และแทนที่จะเห็นตัวอย่างของแต่ละอีเมลในอินบ็อกซ์เพียงไม่กี่บรรทัด ผู้ใช้สามารถดูสรุปเนื้อหาโดยไม่จำเป็นต้องเปิดอีเมลขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ หรือถ้าเป็นอีเมลพูดคุยต่อเนื่องหลายฉบับ ก็สามารถดูรายละเอียดที่ตรงประเด็นได้ด้วยการแตะครั้งเดียว ส่วน Smart Reply ก็จะเสนอแนะคำตอบสั้นๆ ง่ายๆ พร้อมกับตรวจหาคำถามในอีเมลเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ตอบครบแล้วทุกคำถาม
การเข้าใจภาษาอย่างลึกซึ้งยังขยายครอบคลุมไปถึงการแจ้งเตือนด้วย เริ่มจาก Priority Notification ซึ่งจะปรากฏอยู่ด้านบนสุดของการแจ้งเตือนที่ซ้อนกันอยู่เพื่อดึงข้อมูลสำคัญที่สุดขึ้นมาแสดง ในขณะที่ข้อมูลสรุปจะช่วยสแกนการแจ้งเตือนยาวๆ หรือที่ซ้อนกันอยู่หลายชั้นเพื่อแสดงรายละเอียดสำคัญไว้บนหน้าจอล็อค อย่างตอนที่แชทกลุ่มคุยกันไม่หยุด และเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่เสียสมาธิกับสิ่งที่ทำอยู่ ยังมีโหมดโฟกัสใหม่อย่าง Reduce Interruptions ซึ่งจะแสดงเฉพาะการแจ้งเตือนที่อาจจำเป็นต้องโต้ตอบด้วยในทันที อย่างข้อความที่ส่งมาว่าต้องไปรับลูกเร็วขึ้น
วันนี้ผู้ใช้สามารถบันทึกเสียง ถอดเสียง และสรุปเนื้อหาในเสียงได้แล้วทั้งในแอปโน้ตและโทรศัพท์ โดยเมื่อเริ่มบันทึกเสียงขณะอยู่ในสาย ผู้ที่อยู่ในสายจะได้รับการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ และเมื่อวางสาย Apple Intelligence ก็จะสรุปเนื้อหาเพื่อช่วยทบทวนประเด็นสำคัญ
Image Playground ทำให้การสื่อสารและถ่ายทอดความคิดเป็นเรื่องสนุกยิ่งขึ้น
Apple Intelligence คือขุมพลังเบื้องหลังความสามารถที่น่าตื่นเต้นในการสร้างภาพเพื่อช่วยผู้ใช้สื่อสารและถ่ายทอดความคิดด้วยวิธีใหม่ๆ ด้วย Image Playground ที่ให้ผู้ใช้สร้างภาพเก๋ๆ ได้ในไม่กี่วินาทีโดยเลือกจาก 3 สไตล์ที่มีให้ ได้แก่ Animation, Illustration หรือ Sketch นอกจากนี้ Image Playground ยังใช้ง่ายและรวมเป็นส่วนหนึ่งในแอปต่างๆ รวมถึงแอปข้อความ อีกทั้งยังมีแอปเป็นของตัวเอง ซึ่งเหมาะสำหรับการทดลองแนวคิดและสไตล์ที่แปลกใหม่ โดยที่รูปภาพทั้งหมดจะสร้างขึ้นบนอุปกรณ์เพื่อให้ผู้ใข้มีอิสระในการทดลองกับภาพจำนวนมากแค่ไหนก็ได้
Image Playground ให้ผู้ใช้เลือกแนวคิดจากหลายหมวดหมู่ที่มีให้ เช่น ธีม เครื่องแต่งกาย และสถานที่ จากนั้นพิมพ์คำอธิบายเพื่อกำหนดนิยามให้ภาพนั้น เลือกใครสักคนจากคลังรูปภาพส่วนตัวเพื่อใส่ลงในภาพ แล้วเลือกสไตล์ที่ชอบ
เมื่อมีประสบการณ์การใช้งาน Image Playground อยู่ในแอปข้อความ ผู้ใช้ก็สามารถสร้างภาพสนุกๆ ให้เพื่อนได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถดูแนวคิดแนะนำที่มีความเกี่ยวข้องกับการสนทนาได้อีกด้วย เช่น หากผู้ใช้กำลังส่งข้อความถึงทุกคนในกลุ่มเกี่ยวกับการไปเดินเขา ก็จะเห็นแนวคิดที่แนะนำเกี่ยวกับเพื่อนๆ จุดหมายปลายทาง และกิจกรรม ซึ่งจะทำให้การสร้างภาพมีความรวดเร็วและตรงกับเรื่องที่คุยอยู่มากขึ้น
ในแอปโน้ต ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Image Playground ผ่านทาง Image Wand ใหม่ในแผงเครื่องมือ Apple Pencil เพื่อทำให้โน้ตดูน่าสนใจมากขึ้น เพราะสามารถเปลี่ยนภาพสเก็ตช์คร่าวๆ ให้กลายเป็นภาพที่สวยงามได้ และผู้ใช้ยังสามารถเลือกพื้นที่ว่างเพื่อสร้างภาพโดยใช้บริบทจากพื้นที่รอบข้างได้อีกด้วย นอกจากนี้ Image Playground ยังใช้งานได้ในแอปอย่าง Keynote, Freeform และ Pages รวมถึงแอปของบริษัทอื่นที่นำ Image Playground API ใหม่มาใช้
สร้างสรรค์ Genmoji สำหรับทุกช่วงเวลา
พบกับอิโมจิที่ล้ำไปอีกระดับ เพราะผู้ใช้สามารถสร้าง Genmoji ที่ไม่ซ้ำใครเพื่อสื่ออารมณ์ในแบบของตัวเองได้ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบายแล้ว Gemonji ก็จะปรากฏขึ้นมาพร้อมด้วยตัวเลือกเพิ่มเติม โดยผู้ใช้สามารถสร้าง Genmoji ของเพื่อนๆ และครอบครัวอิงตามภาพถ่ายของบุคคลเหล่านั้นได้ และยังสามารถเพิ่ม Genmoji แทรกในบรรทัดของข้อความได้เหมือนอิโมจิ หรือแชร์เป็นสติกเกอร์หรือการโต้ตอบใน Tapback ก็ได้
คุณสมบัติใหม่ในแอปรูปภาพให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้น
การค้นหาภาพถ่ายและวิดีโอจะสะดวกสบายยิ่งขึ้นเมื่อมี Apple Intelligence เพราะสามารถใช้ภาษาตามธรรมชาติในการค้นหาภาพที่ต้องการ เช่น “Maya ใส่เสื้อมัดย้อมเล่นสเก็ตบอร์ด” หรือ “Katie ที่มีสติกเกอร์ติดอยู่บนหน้า” ส่วนการค้นหาในวิดีโอก็ทรงพลังยิ่งขึ้นเช่นกันด้วยความสามารถในการค้นหาช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงในคลิป เพื่อให้ผู้ใช้เปิดดูช่วงที่ต้องการได้ทันที นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ Clean Up ใหม่ที่สามารถระบุและลบวัตถุรบกวนสายตาออกจากฉากหลังในวิดีโอโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเผลอแก้ไขตัวแบบโดยไม่ตั้งใจ
คุณสมบัติความทรงจำให้ผู้ใช้สร้างเรื่องราวที่อยากเห็นได้เพียงแค่พิมพ์คำอธิบาย จากนั้น Apple Intelligence จะเลือกภาพและวิดีโอที่ดีที่สุดตามคำอธิบาย นำมารังสรรค์เป็นสตอรีไลน์ที่แยกออกเป็นบทต่างๆ ตามธีมที่ตรวจพบในภาพ เสร็จแล้วจึงนำทั้งหมดมาร้อยเรียงเป็นภาพยนตร์ที่มีโครงเรื่องเป็นของตัวเอง แถมยังมีการแนะนำเพลงจาก Apple Music ที่เข้ากับความทรงจำนั้นด้วย และที่สำคัญคือภาพถ่ายและวิดีโอของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้เป็นส่วนตัวบนอุปกรณ์โดยไม่มีการแชร์กับ Apple หรือกับใคร เช่นเดียวกับคุณสมบัติอื่นๆ ทั้งหมดของ Apple Intelligence
Siri ก้าวสู่ยุคใหม่
Siri ที่ขับเคลื่อนด้วย Apple Intelligence ผสานรวมเข้าประสบการณ์การใช้งานทั้งระบบในแบบที่ลงลึกยิ่งกว่าที่เคย โดยวันนี้ Siri สามารถเข้าใจภาษาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จึงมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เข้ากับบริบทมากขึ้น และรู้ใจผู้ใช้มากขึ้นด้วย พร้อมด้วยความสามารถในการทำให้สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นและเร็วขึ้น อย่างการที่ Siri สามารถจับใจความได้ถึงแม้ผู้ใช้จะพูดตะกุกตะกักและรักษาบริบทที่ส่งต่อจากคำขอหนึ่งไปสู่อีกคำขอหนึ่งได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้ยังสามารถพิมพ์โต้ตอบกับ Siri และสลับไปมาระหว่างข้อความและเสียงพูดเพื่อสื่อสารกับ Siri ด้วยวิธีไหนก็ได้ที่สะดวกสำหรับช่วงเวลานั้น และ Siri ยังมาในดีไซน์ใหม่เอี่ยมที่จะเรืองแสงอย่างสวยงามรอบๆ ขอบหน้าจอขณะที่ Siri ทำงานอยู่
วันนี้ Siri สามารถให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับอุปกรณ์ได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และตอบคำถามได้หลายพันเรื่องเกี่ยวกับวิธีทำอะไรบางอย่างบน iPhone, iPad และ Mac โดยผู้ใช้สามารถเรียนรู้ทุกเรื่องตั้งแต่การตั้งเวลาส่งอีเมลในแอปเมล จนถึงวิธีสลับจากโหมดสว่างเป็นโหมดมืด
Siri รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอด้วย จึงสามารถเข้าใจและทำสิ่งต่างๆ กับคอนเทนต์ของผู้ใช้ในหลายๆ แอปได้มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป เช่น หากเพื่อนส่งข้อความถึงผู้ใช้เพื่อบอกที่อยู่ใหม่ในแอปข้อความ ผู้รับก็สามารถพูดว่า “เพิ่มที่อยู่นี้ลงในบัตรรายชื่อ” แล้ว Siri ก็จะจัดการให้
เมื่อมี Apple Intelligence แล้ว Siri ก็จะสามารถทำสิ่งใหม่ๆ หลายร้อยอย่างทั้งในแอปของ Apple และของบริษัทอื่น และยังทำข้ามไปมาระหว่างแอปได้ด้วย เช่น ผู้ใช้สามารถพูดว่า “แสดงบทความเกี่ยวกับจิ้งหรีดจากรายการอ่านขึ้นมาหน่อย” หรือ “ส่งภาพบาร์บีคิวเมื่อวันเสาร์ไปให้ Malia” แล้ว Siri ก็จะจัดการให้
Siri จะสามารถส่งมอบข้อมูลข่าวสารที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้และข้อมูลบนอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถพูดว่า “เล่นพ็อดคาสท์ที่ Jamie แนะนำ” แล้ว Siri ก็จะค้นหาและเล่นพ็อดคาสท์ตอนนั้นให้เองโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องนึกว่าเคยพูดถึงเรื่องดังกล่าวไปในข้อความหรืออีเมล หรืออาจจะถามว่า “เที่ยวบินของคุณแม่จะมาถึงกี่โมง” แล้ว Siri จะค้นหารายละเอียดเที่ยวบินและนำไปตรวจสอบเทียบกับข้อมูลการติดตามเที่ยวบินแบบเรียลไทม์เพื่อบอกเวลาที่จะมาถึง
มาตรฐานใหม่สำหรับความเป็นส่วนตัวในด้าน AI
Apple Intelligence อาศัยความเข้าใจในบริบทเฉพาะตัวบุคคลที่ลึกซึ้งเพื่อให้สามารถช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ได้จริงโดยที่ยังคงปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และรากฐานของ Apple Intelligence ก็คือการประมวลผลบนอุปกรณ์ รวมถึงอีกหลายโมเดลที่เป็นพลังขับเคลื่อนให้ Apple Intelligence ทำงานทั้งหมดได้บนอุปกรณ์ และหากต้องจัดการกับคำขอที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งต้องการพลังประมวลผลมากขึ้นด้วย Private Cloud Compute ก็จะขยายขอบเขตความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของอุปกรณ์ Apple ให้ครอบคลุมไปถึงระบบคลาวด์เพื่อปลดล็อคความชาญฉลาดที่มากยิ่งกว่าเดิม
Private Cloud Compute ช่วยให้ Apple Intelligence สามารถรีดพลังและขยายขีดความสามารถในการประมวลผล และอาศัยโมเดลบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่กว่าเพื่อจัดการกับคำขอที่ซับซ้อนมากขึ้น โมเดลเหล่านี้ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิป Apple Silicon เป็นพื้นฐาน ทำให้ Apple มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะไม่ถูกเก็บรักษาหรือเปิดเผย
ผู้เชี่ยวชาญอิสระสามารถตรวจสอบโค้ดที่รันอยู่บนเซิร์ฟเวอร์ Apple Silicon เพื่อยืนยันความเป็นส่วนตัว และ Private Cloud Compute ยังมีการเข้ารหัสเพื่อให้มั่นใจว่า iPhone, iPad และ Mac ไม่คุยกับเซิร์ฟเวอร์เว้นแต่ว่าจะมีการเก็บบันทึกข้อมูลของซอฟต์แวร์ในแบบสาธารณะเพื่อใช้ในการตรวจสอบ เรียกว่า Apple Intelligence พร้อม Private Cloud Compute ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความเป็นส่วนตัวในด้าน AI พร้อมปลดล็อคระบบอัจฉริยะที่ผู้ใช้เชื่อใจได้
ChatGPT ผสานรวมเข้ากับทุกแพลตฟอร์มของ Apple
Apple กำลังผสานรวมการเข้าถึง ChatGPT เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การใช้งานภายใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญของ ChatGPT ซึ่งรวมถึงความสามารถในการเข้าใจรูปภาพและเอกสารโดยไม่จำเป็นต้องสลับไปมาระหว่างเครื่องมือต่างๆ
Siri สามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ ChatGPT ในเรื่องที่ช่วยได้ และจะมีการถามผู้ใช้ก่อนจะส่งคำถามไปยัง ChatGPT รวมถึงเอกสารหรือรูปภาพใดๆ ก็ตาม จากนั้น Siri จึงจะแสดงคำตอบโดยตรง
นอกจากนี้ ChatGPT ยังพร้อมให้ใช้งานใน Writing Tools ของ Apple ทั่วทั้งระบบ ซึ่งจะช่วยผู้ใช้สร้างเนื้อหาสำหรับเรื่องอะไรก็ตามที่กำลังเขียนอยู่ และ Compose ยังให้ผู้ใช้เข้าถึงเครื่องมือด้านภาพของ ChatGPT เพื่อใช้ในการสร้างภาพหลากหลายสไตล์และนำมาใช้ประกอบสิ่งที่กำลังเขียนอยู่
ผู้ที่เรียกใช้ ChatGPT จะได้รับการปกป้องความเป็นส่วนตัวอยู่แล้วโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ทั้งการปิดบังที่อยู่ IP ของผู้ใช้ และการที่ OpenAI ไม่จัดเก็บข้อมูลคำขอ ส่วนนโยบายด้านการใช้ข้อมูลของ ChatGPT นั้นจะมีผลเฉพาะกับผู้ใช้ที่เลือกเชื่อมต่อกับบัญชีของตน
ChatGPT จะมาใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ภายในปีนี้ และขับเคลื่อนโดย GPT-4o ผู้ใช้สามารถใช้งาน ChatGPT ได้ฟรีโดยไม่ต้องสร้างบัญชี และผู้ที่สมัครสมาชิก ChatGPT สามารถเชื่อมต่อกับบัญชีของตนเองเพื่อเข้าใช้คุณสมบัติที่มีค่าใช้จ่ายจากภายในประสบการณ์การใช้งานเหล่านี้ได้ทันที
ความพร้อมใช้งาน
Apple Intelligence เปิดให้ใช้งานฟรี และจะพร้อมให้ใช้งานในรุ่นเบต้าโดยเป็นส่วนหนึ่งของ iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ภายในปีนี้ในภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ในขณะที่คุณสมบัติบางประเภท แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ และภาษาอื่นๆ จะทยอยเปิดให้ใช้งานในปีหน้า Apple Intelligence จะพร้อมให้ใช้งานบน iPhone 15 Pro, iPhone 15 Pro Max และ iPad และ Mac ที่มีชิป M1 และใหม่กว่า ซึ่งตั้งค่า Siri และภาษาของอุปกรณ์เป็นภาษาอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ apple.com/apple-intelligence