สำหรับประเทศที่มีจุดเริ่มต้นจากผู้อพยพโพ้นทะเล หนึ่งในคำถามที่มีคู่ขนานมากับการสร้างชาติสหรัฐฯ ก็คือ “จะนับใครบ้างเป็นพลเมืองอเมริกัน” หนึ่งในหมุดหมายที่ช่วยขีดเส้นนิยามบนผืนทราย คือคดีระหว่างรัฐบาลกลาง และชายอเมริกันเชื้อสายจีน หว่อง คิม อาร์ก
หว่องเกิดที่นครซานฟรานซิสโกเมื่อปี 1873 กับพ่อและแม่ที่เป็นพลเมืองจีน 5 ปีหลังมีบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 14 หรือ 14th Amendment ที่ระบุว่าบุคคลที่เกิดในสหรัฐฯ ทุกคน และอยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลวอชิงตัน ถือเป็นพลเมืองของประเทศนี้ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีมีขึ้นเพื่อรองรับสถานภาพพลเมืองใหม่ให้กับกลุ่มคนที่เคยเป็นทาส หลังฝ่ายใต้พ่ายแพ้ในสงครามกลางเมือง
ชีวิตของหว่องดำเนินไปภายใต้กระแสเกลียดชังและเลือกปฏิบัติต่อชาวจีน ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้อพยพมาแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ นับตั้งแต่ยุคตื่นทอง รวมถึงการถกเถียงตีความขอบเขตของ 14th Amendment ด้วยว่าข้อจำกัดอยู่ที่ไหน และมีใครบ้างที่จะไม่ได้รับสิทธินี้
ในเดือนสิงหาคมปี 1895 หว่องในวัย 21 ปีเดินทางไปจีนและกลับเข้าสหรัฐฯ แต่ถูกจอห์น เอช ไวส์ เจ้าหน้าที่ศุลกากรปฏิเสธการเข้าประเทศ โดยอ้างกฎหมายกีดกันคนจีน หรือ The Chinese Exclusion Act ที่สภาคองเกรสรับรอง และประธานาธิบดีเชสเตอร์ เอ อาร์เธอร์ ลงนามบังคับใช้ในปี 1882
โดยสรุป กฏหมายดังกล่าวปิดกั้นไม่ให้แรงงานจีนเข้ามาในสหรัฐฯ เป็นเวลา 10 ปี ยกเว้นกลุ่มคนที่มีเอกสารรับรองจากรัฐบาลจีน และปิดกั้นชาวจีนจากการรับสถานะพลเมืองอเมริกัน โดยอ้างว่าคนกลุ่มนี้เป็นอันตรายต่อความสงบสุขในสังคม
แม้จะมีเวลาบังคับใช้อยู่ที่ 10 ปี แต่กฎหมายนี้ได้รับการต่อขยายเวลามาเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดก็ถูกใช้งานอยู่ถึงราว 60 ปี
ภายใต้กฎหมายนี้ ไวส์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากพ่อแม่ของหว่องเป็นชาวจีนที่ไม่มีสัญชาติอเมริกัน ดังนั้นสถานภาพพลเมืองของหว่องจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายและต้องถูกส่งตัวกลับไปยังจีน แม้จะเกิดในสหรัฐฯ ก็ตาม
หว่องตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยทนายความของเขาให้การว่า หว่องมีสิทธิได้รับสัญชาติโดยกำเนิด แต่เฮนรี เอส ฟุท อัยการรัฐบาลกลาง ให้การว่าลูกของคนที่เป็นพลเมืองชาติอื่น ไม่มีสิทธิได้สัญชาติตาม 14th Amendment เพราะไม่ถือเป็นผู้อยู่ภายใต้เขตอำนาจของรัฐบาลวอชิงตัน
คดีความนี้สู้กันไปจนถึงระดับศาลสูง ภายใต้ข้อถกเถียงใหญ่ว่า พ่อและแม่ของหว่องซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ถือเป็นคนที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของสหรัฐฯ (subject to the jurisdiction) ภายใต้ 14th Amendment หรือไม่
จนกระทั่งปี 1898 ศาลสูงมีมติ 6-2 เห็นชอบตามคำให้การของฝั่งหว่อง คิม อาร์ก ด้วยเหตุผลว่า พ่อและแม่ของเขาไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการของจีน และตีความว่า ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามกฎหมายของสหรัฐฯ ก็ถือว่าอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจของสหรัฐฯ แล้ว จึงสรุปว่า หว่องมีศักดิ์และสิทธิ์ในการได้รับสัญชาติโดยกำเนิด
ส่วนเหตุผลของศาลในการโต้แย้งรัฐบาลกลาง คณะตุลาการได้หยิบยกคำพิพากษาในอดีตมาอ้างอิง โดยระบุว่าผู้ไม่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของรัฐบาลกลาง ที่จะไม่ได้สัญชาติพลเมืองจากการเกิดนั้นหมายถึงกลุ่มชนพื้นเมืองที่ไม่ยอมรับอำนาจรัฐ เด็กที่เกิดในดินแดนข้าศึกที่สหรัฐฯ ยึดครองอยู่ รวมถึงลูกของตัวแทนคณะทูตต่างชาติที่พำนักในประเทศ
คดีนี้มีความสำคัญสำหรับลูกชาวจีนโพ้นทะเลในสหรัฐฯ ในยุคนั้น เพราะหว่องถือเป็นภาพแทนของคนจำนวนมาก ที่เกิดกับพ่อและแม่ที่เป็นชนชั้นแรงงาน ซึ่งเป็นจำพวกบุคคลต้องห้ามเข้าสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย Chinese Exclusion Act
มากไปกว่านั้น ชัยชนะบนชั้นศาลครั้งดังกล่าว ถือเป็นหนึ่งหมุดหมายที่อธิบายหลักคิดการมอบสถานภาพพลเมืองผ่านการเกิดบนผืนดินสหรัฐฯ ซึ่งค่อย ๆ วิวัฒน์ขึ้นมาเป็นแนวทางทางกฎหมายที่เห็นในปัจจุบัน จนกระทั่งถูกเขย่าด้วยโจทย์ใหม่ เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์จรดปากกาลงนามในวันแรกที่หวนคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง