สหภาพยุโรป (EU) เริ่มบังคับใช้กฎหมายให้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพา เช่น มือถือ แท็บเล็ต หูฟัง ต้องใช้พอร์ตชาร์จแบบ USB-C เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และแก้ปัญหาความแตกต่างของพอร์ตชาร์จในท้องตลาด
กฎหมายนี้ครอบคลุมอุปกรณ์อะไรบ้าง?
- มือถือ แท็บเล็ต กล้องดิจิทัล หูฟัง หูฟังพร้อมไมโครโฟน เครื่องเล่นเกมพกพา ลำโพงพกพา e-reader คีย์บอร์ด เมาส์ อุปกรณ์นำทาง และหูฟังไร้สาย ที่ชาร์จด้วยสาย และใช้พลังงานไม่เกิน 100 วัตต์
- แล็ปท็อป จะต้องเริ่มใช้ USB-C ภายในเดือนเมษายน 2026
- อุปกรณ์บางอย่าง เช่น PlayStation 5 ที่ใช้พลังงาน 350 วัตต์ จะไม่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้
สาระสำคัญของกฎหมาย
- อุปกรณ์ต้องมีพอร์ต USB-C แต่ยังสามารถใช้เทคโนโลยีการชาร์จของตัวเองได้ เช่น MacBook
- อุปกรณ์ที่วางขายในตลาดก่อนหน้านี้ ยังคงวางขายต่อไปได้ แต่ห้ามนำเข้าสินค้าใหม่ที่ไม่มีพอร์ต USB-C
- อุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จเร็ว ต้องใช้มาตรฐาน USB Power Delivery (USB-PD)
- อนุญาตให้ขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ต้องมีที่ชาร์จ เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์
- กล่องสินค้าต้องมีสัญลักษณ์ แสดงว่ามีหรือไม่มีที่ชาร์จ และแสดงอัตราการชาร์จ
ผลกระทบ
แม้ว่าผู้บริโภคจะได้ประโยชน์ เพราะสามารถใช้ที่ชาร์จเดียวกับอุปกรณ์หลายชนิด ลดความยุ่งยาก และลดค่าใช้จ่าย ทางผู้ผลิตอาจต้องปรับตัว แต่ในระยะยาวจะช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย EU แสดงให้เห็นว่า เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับประชาชน มากกว่าบริษัท
อย่างไรก็ต่าท กฎหมายนี้ อาจเป็นแรงบันดาลใจให้ประเทศอื่นๆ นำไปปรับใช้ เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ และสร้างมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกในอนาคต