“รุ้ง-แนวร่วม” ย้ำ ชุมนุมด้วยสันติวิธี ยืนยันปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง ลั่นไม่ทำตามคำสั่งศาล รธน. เชื่อความรุนแรงขึ้นอยู่กับรัฐ จี้พรรคการเมืองเคียงข้างปชช.
เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 13 พ.ย.64 ที่ The Connecion Seminar Center สี่แยกรัชดา-ลาดพร้าว สืบเนื่องจากที่ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม พร้อมด้วยแนวร่วมประชาธิปไตย ได้แก่ นายธัชพงศ์ แกดำ หรือ บอย, นายกรกช แสงเย็นพันธ์ หรือ ปอ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG)
น.ส.กตัญญู หมื่นคำเรือง หรือ ป่าน กลุ่มทะลุฟ้า ตัวแทนจากคณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), กลุ่มศาลายาเพื่อประชาธิปไตย และ กลุ่ม Supporter Thailand (SPT) ร่วมแถลงข่าวคัดค้านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และนัดหมายชุมนุมวันที่ 14 พ.ย.นี้ เวลา 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อเดินขบวนไปยังสนามหลวง
โดยภายหลังการอ่านแถลงการณ์ ผู้สื่อข่าวได้ถามว่ากลัวหรือไม่ว่าจะมีการตั้งข้อกล่าวหาอีกครั้ง น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลจริงๆ ไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าเราล้มล้างการปกครอง แต่พูดว่าอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ซึ่งเรายืนยันว่าปฏิรูปคือปฏิรูปไม่ใช่ปฏิวัติ
ฉะนั้น หากมีข้อกล่าวหาเพิ่มเติมก็คือเครื่องมือทางการเมืองของเขา สมมติจะใช้มาตรา 113 ก็จะต้องมีการใช้กำลังประทุษร้ายก่อนถึงจะเข้าข่าย แต่การชุมนุมของเราทุกครั้งเป็นไปด้วยความสงบสันติ ทั้งนี้ เรากังวลใจอยู่บ้าง เพราะไม่รู้ว่ารัฐจะใช้เครื่องมืออะไรมาทำร้ายประชาชนได้อีก แต่ไม่ได้กังวลว่าหากถูกข้อกล่าวหาแล้วจะเป็นอย่างไร เพราะยืนยันเหมือนเดิมว่าเราปฏิรูปไม่ใช่ล้มล้าง
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว มีข้อกังวลหรือไม่ น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า เรามองว่าคำสั่งของศาลขัดต่อกฎหมายเสียเอง เพราะเกินอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เราไม่อาจยอมรับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญได้ แปลว่าเราจะไม่ทำตาม ตอนนี้อาจมีคำถามว่าเส้นทางการปฏิรูปปิดแล้วหรือไม่ เราคิดว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถึงจะยากแค่ไหน หรือเขาจะปิดทางมากขึ้น เราเชื่อว่าประชาชนจะสามารถผลักประตูนี้ออกไปให้มันเปิดอีกครั้งได้ จนกว่าการปฏิรูปสถาบันฯ จะเกิดขึ้นและสำเร็จ
เมื่อถามว่า มองว่ากลไกการเรียกร้องผ่านทางสภาฯ ยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการปฏิรูปเรื่องนี้ได้หรือไม่ น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า ตนคิดว่าทางไหนใช้ได้เราก็จะใช้ ไม่ว่าจะทางสภาฯ หรือทางถนน หรือทางอื่นๆ ก็ดี ที่จะสามารถทำให้การปฏิรูปเกิดขึ้นและสำเร็จได้
เมื่อถามถึงกรณี นายณฐพร โตประยูร ได้ยื่นคำร้องกกต.ให้ยุบพรรคก้าวไกล เพราะมองว่าให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม น.ส.ปนัสยา กล่าวว่า การประกันตัวประชาชน เป็นหน้าที่ของส.ส.อยู่แล้ว เรามองว่ามันเป็นเกมต่อเนื่องที่เขาวางแผนมานานแล้ว โดยออกคำวินิจฉัยให้การปฏิรูปเป็นการล้มล้าง จะได้ไปยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งก่อนหน้าก็ยุบพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว ซึ่งไม่รู้ว่าในอนาคตทางฝั่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับเราจะดำเนินการหรือใช่อำนาจอย่างไรต่อไป เพื่อสกัดกั้นการปฏิรุปสถาบัน
แต่เราอยากจะส่งสารไปถึงคนเหล่านั้นว่า เราไม่เห็นอะไรจากตัวพวกคุณเลยนอกจากความเห็นแก่ตัว คนอย่างพวกคุณที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่กดขี่ประชาชน แจ้งความดำเนินคดี การจับขัง การฟ้องร้อง ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยาเราไม่รับฟังควาเห็นต่าง ซึ่งไม่จริง เรารับฟังทุกคนมาตลอดและไม่เคยกีดกั้นใคร
ตอนนี้เราสู้ด้วยความคิด แต่สิ่งที่เขาใช้สู้กลับมาคืออำนาจ จึงอยากจะบอกว่าเรารู้สึกว่าไม่มีความจำเป็นใด ที่คุณจะไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ยึดถือในอำนาจนั้นตลอดไป สุดท้ายเราก็ใช้ชีวิตบนประเทศเดียวกัน
ดังนั้น จะเป็นไปไม่ได้เลยหรือที่เราจะรับฟัง หาทางออกร่วมกัน เราหวังว่าสักวันหนึ่งพวกคุณจะรับฟังเราบ้าง เราไม่ขออะไรมากมายไปกว่าประชาธิปไตย สังคมที่เฟรนด์ลี่กับทุกคน และอยากจะให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น
เมื่อถามว่า ทิศทางการต่อสู้ในอนาคตจะเป็นอย่างไร นายกรกช กล่าวว่า ยืนยันว่าสิ่งที่เราเคลื่อนไหวมาตลอดและจะเคลื่อนไหวต่อไป คือ การเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันฯ พวกเรายืนยันเหมือนเดิมว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ออกมาทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตย ในการปกป้องระบอบการปกครองดังกล่าว
ยืนยันว่าอนาคตเราก็ยังจะเรียกร้องข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ ต่อไป ส่วนแนวทางการต่อสู้ก็จะยังคงเป็นไปในแนวทางสันติวิธี ปราศจากอาวุธ ที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือเราต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
เมื่อถามว่าการต่อสู้จะเป็นไปแบบคู่ขนานทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ หรือไม่ หากต้องมีการขอความร่วมมือจากพรรคการเมืองมองใดเป็นหลักหรือไม่ นายกรกช กล่าวว่า ต้องตั้งคำถามกลับไปยังพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนว่าถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะเป็นกระบอกเสียงเพื่อต่อสู้ให้เกิดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์อยู่ใช้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
ซึ่งเราก็คาดหวังไม่ว่าจะพรรคใดก็ตามที่พร้อมจะขับเคลื่อนเรื่องการปฏิรูปไปพร้อมประชาชน คุณคือตัวแทนของประชาชน ซึ่งในอนาคตไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อใด เราอยากขอให้พวกคุณจำไว้ว่าสิ่งที่ประชาชนเรียกร้องคือการปฏิรุปสถาบันฯ หากคุณไม่ทำตามข้อนี้คุณก็ไม่อาจเรียกตัวเองว่าเป็นผู้แทนราษฎรได้
เมื่อถามว่า จะมีการจะยกระดับการชุมนุมหรือไม่ นายธัชพงศ์ กล่าวว่า การชุมนุมวันพรุ่งนี้เรายืนยันว่าประชาชนใช้สิทธิอย่างสันติตามรัฐธรรมนูญ แต่ความรุนแรงจะเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อใดก็ตามที่เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังตำรวจควบคุมฝูงชนมา สร้างความปั่นป่วนให้ชาวบ้านบริเวณนั้นทั้งหมด ดังนั้น จะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐ