รุ้ง ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย ชี้ไม่เปิดให้ไต่สวน ส่งผลกระทบต่อสิทธิกระบวนการยุติธรรม ย้ำ 10 ข้อเรียกร้องไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครอง ยันเดินหน้าแก้ม. 112
เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2564 หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย กรณีการชุมนุมปราศรัยวันที่ 10 ส.ค. 2563 ของน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒกุล นายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และขอให้ทั้ง 3 คน รวมถึงองค์กรเครือข่าย หยุดการกระทำดังกล่าว
น.ส.ปนัสยา แถลงหลังศาลมีคำวินิจฉัยว่า ขอยืนยันว่า ข้อเรียกร้องการปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อ ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ และไม่ได้มีเจตนาเพื่อล้มล้างการปกครอง เห็นว่าคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่อาจยอมรับได้ เพราะขาดด้วยความชอบในกระบวนการพิจารณาคดีที่ไม่เปิดโอกาสให้มีการไต่สวน อันเป็นการกระทบต่อสิทธิของกระบวนการยุติธรรม แม้ผู้ถูกร้องจะยื่นร้องขอให้ไต่สวนแล้วก็ตาม
ขอย้ำว่า ตนไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินนี้ และข้อเรียกร้องต่อการปฏิรูปสถาบัน ไม่ได้มีเจตนาล้มล้างการปกครอง แต่เห็นว่าการปฏิรูปสถาบันจะส่งผลให้เป็นการดำรงไว้ ให้สถาบันเจริญขึ้น รวมถึงการให้แก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ก็ไม่ได้ล้มล้างการปกครองเช่นกัน แต่เจตนารมณ์ของการเคลื่อนไหวเป็นไปเพื่อการพัฒนาประเทศเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่า หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้จะมีผลผูกพันธ์ไปถึงคดีอื่นด้วย น.ส.ปนัสยาตอบว่า ตนยังไม่ทราบ แต่อาจจะมีผลไปถึงคดีอาญาอื่นได้ แต่กังวลว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าล้มล้างการปกครองแล้ว การล่ารายชื่อให้ยกเลิกมาตรา 112 จะนำเข้าสู่สภาได้อีกหรือไม่ จึงขอเวลาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมก่อนจะประกาศให้ประชาชนได้รับทราบ
ยืนยันว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าเคลื่อนไหวเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 112 ต่อไปจนกว่าจะสำเร็จอย่างแน่นอน