หลายหน่วยงานรุดช่วย พ่อโดยลูกชายป่วยจิตทุบตี ส่วนแม่ถูกข่มขืน ทนทุกข์นานกว่า 2 ปี เบื้องต้น จะส่งตัวบำบัดรักษาเพราะมีประวัติป่วยจิตเวช ควบคู่กับการเยียวยาสภาพจิตใจครอบครัวความเป็นอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 มี.ค.) นายบุญเต็ม กัลยาพานิช นายอำเภอประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยนางสุภาพร กัลยาพานิช นายกกิ่งกาชาดอ.ประโคนชัย, นางนัฏญา จิตรเกาะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.บุรีรัมย์ นายประหยัด ต๊ะสุยะ ผอ.ศูนย์การจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบุรีรัมย์, พ.ต.อ.เจตน์สฤษฎิ์ แพ่งศรีสาร ผู้กำกับการ สภ.ประโคนชัย ผู้แทนจาก รพ.ประโคนชัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง
กรณีพ่อวัย 67 ปี ถูกทำร้ายร่างกาย และแม่วัย 51 ปี ถูกนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 22 ปี ลูกชายแท้ๆ ซึ่งติดยาเสพติดจนมีอาการป่วยทางจิตบังคับข่มขืนหลายครั้ง ทั้งยังมีพฤติกรรมชอบเดินสำเร็จความใคร่ตัวเองไปทั่วหมู่บ้าน จนสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน
- สุดหดหู่ ลูกชายทุบตีพ่อพิการหลังค่อม-ข่มขืนแม่ พี่สาวร่ำไห้เหมือนตกนรกทั้งเป็น
โดย นายอำเภอ ระบุว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง สาเหตุเนื่องจากลูกชายติดยาเสพติดจนมีอาการป่วยทาง แล้วเริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวทำร้ายพ่อแม่ และข่มขืนแม่แท้ๆ ของตัวเอง ประกอบกับแม่ก็มีอาการติดสุรา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว
จากการหารือร่วมกันหลายหน่วยงาน เบื้องต้น ก็จะส่งตัวลูกชายเข้ารับการบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิตอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้รักษาหรือกินยาต่อเนื่อง ทั้งนี้ ก็จะดูแลเยียวยาเรื่องสภาพจิตใจของพ่อ แม่ และลูกสาวที่ต้องเจอเหตุการณ์อันเลวร้ายควบคู่ไปด้วย เพราะกรณีที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
นอกจากนั้นยังจะดูแลเรื่องสภาพความเป็นอยู่ด้วยเนื่องจากครอบครัวนี้มีฐานะยากจน ปัจจุบันมีเพียงเงินจากเบี้ยคนชรา เบี้ยผู้พิการ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของตาคนเดียว ทั้งนี้ ก็จะให้ยายบำบัดอาการติดสุรา และหางานให้ทำเพื่อให้รายได้เลี้ยงครอบครัว
ส่วนเรื่องคดีก็จะได้หารือกับทางตำรวจอีกครั้ง แต่อาจจะให้พ่อ แม่ซึ่งเป็นผู้เสียหายไปแจ้งความไว้ก่อน เพื่อที่ทางตำรวจจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เชื่อว่าหากนำตัวลูกชายไปบำบัดรักษาแล้วอาการดีขึ้นสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ ก็อาจจะให้กลับมาอยู่ดูแลครอบครัว ซึ่งก็ต้องประเมินตามสภาพความเป็นจริง
ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) พี่สาวนายเอ็ม บอกว่า หลังจากหลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็รู้สึกดีใจเพราะที่ผ่านมาทั้งพ่อแม่ต้องอยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน ลำพังตนเองก็ทำอะไรไม่ได้ ก็ขอบคุณทุกหน่วยงานที่รับปากจะช่วยเหลือทั้งการนำตัวน้องชายไปบำบัดรักษาให้หาย ดูแลสภาพจิตใจพ่อแม่ และความเป็นอยู่ของครอบครัว
แต่สิ่งที่ยังกังวลคือกลัวว่าเมื่อรักษาที่โรงพยาบาลอาการดีขึ้นแล้ว พอส่งตัวกลับมาบ้านเจอสภาพแวดล้อมเดิมๆ หรือกลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ก็จะกลับมาก่อเหตุเหมือนเดิมอีก
ขณะที่ นางน้อย (นามสมุมติ) เพื่อนบ้าน บอกว่า ก่อนหน้านี้นายเอ็ม ก็เป็นเด็กวัยรุ่นปกติเหมือนคนอื่นๆ นิสัยดีไม่ค่อยพูด แต่เมื่อ 2–3 ปีก่อน หลังจากไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วมีอาการทางจิตก็เริ่มมีพฤติกรรมก้าวร้าวลักเล็กขโมยน้อย หนักขึ้นเรื่อยๆ คือทำร้ายพ่อแม่ ข่มขืนแม่ตัวเอง และชอบเดินสำเร็จความใคร่ไปทั่ว ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว เกรงว่าหากนายเอ็ม ทำอะไรแม่ตัวเองไม่ได้จะไปก่อเหตุกับเด็ก หรือชาวบ้านคนอื่น
ก็รู้สึกโล่งใจที่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือนำตัวไปบำบัดรักษา ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบหวาดระแวง และหากรักษาหายแล้วสามารถกลับมาชีวิตได้เป็นปกติ ชาวบ้านก็พร้อมยอมรับและให้โอกาส จะได้กลับมาดูแลพ่อแม่ของตัวเอง