รีวืว "iPad Air M2" ขนาด 13 นิ้ว ใช้มาเกือบเดือน กับประสิทธิภาพมาเต็ม แทน Notebook ได้เลย

Home » รีวืว "iPad Air M2" ขนาด 13 นิ้ว ใช้มาเกือบเดือน กับประสิทธิภาพมาเต็ม แทน Notebook ได้เลย

iPad Air Generation 6 ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉมแล้วโดยรอบนี้มาพร้อมกับขนาดให้เลือกทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน วันนี้ Sanook Hitech จะมารีวิว Tablet ใหม่ที่เรียกว่าผู้สร้างปรากฏการณ์ และมันสมค่าการรอคอยหรือไม่

รายละเอียดสเปกของ iPad Air M2

batch_img_2756

สเปก

iPad Air 13 (2024)

มิติตัวเครื่อง

280.6 x 214.9 x 6.1 มิลลิเมตร

น้ำหนัก

617 กรัม (Wi-Fi) 618 กรัม (Cellular

กระจก

กระจกเงาแบบ Scratch-resistant glass, oleophobic coating

ขุมพลัง

Apple M2 Octa Core

กราฟิกการ์ด

Apple GPU (9-core graphics)

RAM

RAM 8GB

พื้นที่ความจำ

128GB / 256GB / 512GB / 1TB

การเชื่อมต่อไร้สาย

5G, Wi-Fi6e (802.11ax) (Dual band) + Bluetooth v5.3

พอร์ต

USB-C

หน้าจอ

Liquid Retina ขนาด 13 นิ้ว, Refresh Rate 60Hz, ความละเอียด 2048 x 2732  พิกเซล, oleophobic coating

กล้อง

ด้านหน้า 12 MP F/2.0 + Video 1080p 30/60 fps + ESI

ด้านหลัง 12 MP Dual Pixel F/1.8

วิดีโอ 4K@24/25/30/60fps, 1080p@25/30/60/120/240fps

ลำโพง

ลำโพงแบบ Stereo

ไมโครโฟน

ทั้งหมด 2 จุด

อุปกรณ์เสริม

Smart Folio Keyboard

Smart Cover

Magic Keyboard (1st Generation)

Apple Pencil USB-C

Apple Pencil Pro

ระบบปฎิบัติการ

iPad OS 17 (อัปเกรดต่อได้)

แบตเตอรี่

36.59Whr

Adapter

กำลังชาร์จไฟสูงสุด 20W

สีสัน

Space Gray, Starlight, Purple, Blue

ดีไซน์ของ iPad Air 13 นิ้ว

 batch_img_2761

เริ่มต้นกับดีไซน์ของ iPad Air รอบนี้จะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอให้เลือก 2 ไซล์คือ 11 นิ้ว (ใหญ่กว่าเดิม 0.1 นิ้ว) และ 13 นิ้วจริงๆ แล้วทั้งคู่มันคือขนาดเท่าเดิม หรือจะเป็น iPad Pro 12.9 นิ้วเดิมเลยครับ ส่วนหน้าจอเป็นแบบ Liquid Retina Display สวยงามเลยครับ และกล้องหน้าความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมกว้างมาก และไว้ในแนวนอนเลยครับ

 batch_img_2772

รอบตัวเครื่องจะออกแบบอัตราส่วนหน้าจอแบบ 3:2 ทำให้ตัวเครื่องออกเป็นสี่เหลี่ยมเกือบจะด้านเท่ากัน โดยด้านบนจะมีปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมกับแท่นวางชาร์จไฟ Apple Pencil Pro เหตุผลที่รองรับรุ่นนั้นเพราะการจัดวางของระบบชาร์จไฟมีตำแหน่งที่น้อยลงแต่ระบบชาร์จไฟยังแรงเหมือนเดิม อีกฝั่งนั้นไม่มีอะไร ไว้วางกับ Keyboard ครับ เท่ากับรุ่นนี้ใช้ eSIM เท่านั้น

 batch_img_2766

ฝั่งซ้ายมาพร้อมกับลำโพงทั้งหมด 2 จุด และฝั่งขวาได้นอกจากลำโพงแล้วก็ USB-C ไว้สำหรับเสียบใช้งานและชาร์จไฟ

 batch_img_2770

พลิกด้านหลังจะออกแบบกล้องมุมซ้ายและมีโลโก้ Apple ตรงกลางพร้อมกับข้อความ iPad Air ที่ทำให้แยกชัดเจนว่านี่เป็น iPad Air รุ่นที่ 6 ชัดเจน และมี Smart Connect พบว่่าจะมีการวางกับ Magic Keyboard ได้

น้ำหนัก / ภาพรวมของดีไซน์

batch_img_2778

ในเรื่องดีไซน์ถ้าเป็นรุ่น 11 นิ้วไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ว่าถ้าเป็น iPad Air Generation 6 ขนาด 13 นิ้ว มันก็คือรุ่นที่ใหญ่กว่าเดิม แต่งานออกแบบที่โดดเด่นเช่นเดียวกัน

แต่ว่าน้ำหนักของเครื่องขนาด 11 นิ้ว ไม่ได้หนักกว่าเดิม แต่ถ้าเป็น 13 นิ้ว! จะหนักกว่าเดิม พอสมควรเลยครับ

การแสดงผลภาพ / เสียง

จากภาพที่เห็นต้องยอมรับว่าหน้าจอของ iPad Air 13 นิ้วสวยงามและลื่นไหลดีเลยครับ แต่ว่าอาจจะไม่ได้แสดงผลในแบบ iPad Pro ที่ได้เทคโนโลยี ProMotion ที่ได้ Refresh Rate ที่สูง

นอกจากนี้ไมโครโฟนรุ่นใหม่

ประสิทธิภาพเป็นอย่างไร

batch_img_0066-copy
batch_img_0083-copy

batch_img_0067-copy

จากการทดสอบประสิทธิภาพจากชิป Apple M2 ถือว่าแรงมากจากคะแนนประสิทธิภาพถือว่าน่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการ Tablet ไปทำงาน และยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อทั้ง 5G, Wi-Fi 6e, Bluetooth 5.3 เรียกว่ายังทันสมัยอยู่ครับ

การใช้พลังงาน

แต่การใช้พลังงานนั้นพบว่าแบตเตอรี่อยู่ที่ 36.59 Wh อยู่ระดับปานกลางและยังมาพร้อมกับระบบชาร์จไฟทำได้อยู่ที่ 20W เท่านั้น แต่ถ้าเสียบแล้วชาร์จไฟแบบ PD ก็สามารถให้กำลังที่ไวกว่าเดิมได้ครับ

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ iPad Air “13” นิ้ว

batch_img_0078

ใน iPad Air ขนาด 13 นิ้ว ยังได้ ฟีเจอร์ใหม่ๆ จาก iPadOS 17 โดยขอสรุปสั้นๆ ดังนี้

batch_img_0082

batch_img_0081

  • Stage Manager การทำงานแบบ Mulit Tasking ของ iPad นอกจากหน้าจอปกติที่สามารถแบ่งหน้าจอได้แล้ว การเปิดฟีเจอร์ Stage Manager จะแสดงผล Apps ทั้งหมด 5 หน้าจอ (1 หน้าจอหลัก 4 หน้าจอย่อย) ไว้และยังมาพร้อมกับกดแบ่งเป็นกรอบเล็กและใหญ่ได้สบาย
  • Apps การทำงานของเครื่องมีให้เลือกทำงานได้มากมายและสามารถใช้ทั้งการติดต่อสื่อสารผ่านโปรแกรมประชุมและโปรแกรมแต่งภาพ และรวมไปถึง Adobe Express และรวมไปถึงโปรแกรมทำงาแบบครบครัน
  • แอปโน้ตช่วยให้ผู้ใช้มีวิธีใหม่ๆ ในการจัดระเบียบ อ่าน ใส่คำอธิบายประกอบ และทำงานร่วมกันบน PDF แถมยังช่วยให้การทำงานบน PDF ง่ายดายขึ้นด้วยคุณสมบัติการป้อนอัตโนมัติที่สามารถระบุช่องและกรอกข้อมูลในแบบฟอร์มได้อย่างชาญฉลาด
  • Freeform มาพร้อมเครื่องมือวาดภาพใหม่ๆ การรองรับคุณสมบัติการยกปลาย การเอียง และการปรับให้พอดีตามรูปร่าง ตลอดจนความสามารถในการเพิ่มเส้นเชื่อมต่อและรูปร่างใหม่ลงในวัตถุใดก็ได้ และคุณสมบัติติดตามไปด้วยที่จะช่วยแนะนำผู้ใช้ในการทำงานร่วมกันบนบอร์ด

batch_img_2774

  • Apple Pencil Pro การพัฒนาของ Pencil ที่มีจุดเด่นคือ ความไวมากขึ้น การสั่งงานผ่านการบีบเพื่อสั่งงาน, ลากเส้นพร้อมหมุนเพืท่อเปลี่ยนหัว และสามารถตอบสนองด้วยการสั่นได้และสามารถยกปลายได้ แถมแตะเพื่อให้สามารถใช้งานได้ 2 ครั้ง แต่แพงไปนั้น Apple Pencil (USB-C) ก็เป็นทางเลือก
  • รองรับการทำงานผ่าน Magic Keyboard โดยรองรับช่องแบบ USB-C สามารถพิมพ์แบบสบายๆ และยังมีไฟเรืองแสงและการสัมผัสถือว่ากดได้ดี แต่อาจจะไม่ได้เหมือนกับ iPad Pro ตัวใหม่เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเรื่องความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงกับทุกคนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ใครคิดว่าลูกเล่นเดิมๆ iPadOS 18 รุ่นนี้ได้ไปต่อแน่นอนครับ

ภาพตัวอย่างจากกล้องของ iPad Air “13” นิ้ว

(กล้องหลัง)

 batch_img_0072
batch_img_0073

batch_img_0071

(กล้องหน้า)

batch_img_0076

batch_img_0077

สรุปหลังได้สัมผัส iPad Air “13” นิ้วใหม่ล่าสุด

batch_img_2761

หลังจากที่ได้ทดลองใช้งานผ่านมาเกือบ 3 อาทิตย์กับ iPad Air M2 ขนาด 13 นิ้วเรียกได้ว่าเป็น Tablet ที่มีประสิทธิภาพที่ดีเหมากับคนที่ต้องการใช้งานทั้งการ Present กราฟิก และรวมไปถึงตัดต่อได้ประมาณหนึ่งที่ไม่ได้เน้นความละเอียดสูงมากนัก ถ้าตัดทั้งความละเอียด 4K ผมว่าอาจจะยังไม่เพียงพอ ส่วนแบตเตอรี่ถือว่าดีขึ้นกว่าเดิม แต่ว่าถ้าใช้งานหนักๆ อาจจะยังไม่เพียงพอ

แต่สำหรับคนที่เลือก iPad Air M2 ขนาด 13 นิ้ว ที่ถือว่าเป็นขนาดใหม่ คือคนที่อยากได้จอใหญ่จริงๆ แต่ว่าไม่มีงบถึง iPad Pro ที่ราคาถือว่าสูงมากเลยครับ

ทั้งนี้ราคาของ iPad Air M2 นั้นมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ โดยเริ่มต้นที่

  • Pad Air ขนาด 11 นิ้ว
    • 128GB Wi-Fi = 23,900 บาท
    • 256GB Wi-Fi = 27,900 บาท
    • 512GB Wi-Fi = 35,900 บาท
    • 1TB Wi-Fi = 43,900 บาท
    • 128GB Wi-Fi Cellular = 29,900 บาท
    • 256GB Wi-Fi Cellular = 33,900 บาท
    • 512GB Wi-Fi Cellular = 41,900 บาท
    • 1TB Wi-Fi Cellular = 49,900 บาท
  • iPad Air ขนาด 13 นิ้ว
    • 128GB Wi-Fi = 29,900 บาท
    • 256GB Wi-Fi = 33,900 บาท
    • 512GB Wi-Fi = 41,900 บาท
    • 1TB Wi-Fi = 49,900 บาท
    • 128GB Wi-Fi Cellular = 35,900 บาท
    • 256GB Wi-Fi Cellular = 39,900 บาท
    • 512GB Wi-Fi Cellular = 47,900 บาท
    • 1TB Wi-Fi Cellular = 55,900 บาท

อุปกรณ์เสริม

batch_img_2775

  • Apple Pencil Pro = 4,990 บาท
  • Apple Pencil USB-C = 3,190 บาท
  • Magic Keyboard ขนาด 11 นิ้ว = 11,990 บาท
  • Magic Keyboard ขนาด 13 นิ้ว = 13,990 บาท

จุดเด่น

  • มีให้เลือก 2 ขนาดแล้ว
  • หน้าจอสวยการแสดงผลดีมาก
  • ระบบเสียงดี
  • Apple Pencil Pro มีฟีเจอร์ให้ใช้งานเอาใจคนขอบวาดภาพ
  • ประสิทธิภาพสูงรองรับทุกงาน
  • อุปกรณ์เสริมบางชิ้นใช้ร่วมกันกับ iPad Air หรือ iPad Pro ได้
  • เสียงค่อนข้างดี

ข้อสังเกต

  • ราคาสูงกว่าเดิม
  • ความแรงอาจจะมากไปสำหรับการทำงานของบางคน

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ