กลับมาพบกับรีวิวจาก Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับรอบนี้ใครรอคอยการมาของ Xiaomi 14T Series อยู่ว่าทีมจะคิดเห็นอย่างไร มาแล้วสำหรับรีวิวนี้มาดูกันเลยว่า ความคุ้มค่าของ 2 รุ่นนี้คุณเลือกตัวไหนที่จบกว่ากัน เริ่มกันเลยครับ
ดีไซน์ของ Xiaomi 14T
เรื่องแรกที่ต้องพูดหน้าจอของทั้งคู่จะเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้วเท่ากันพร้อมกับ Refresh Rate 144Hz ก็เท่ากัน และรวมไปถึงความสว่างและกล้องหน้า 32 ล้านพิกเซลก็เท่ากันอีกด้วยจนเรียกได้ว่ามันแทบจะไม่มีความแตกต่างกันให้เห็นมากนัก เว้นแต่เรื่องกระจกกันรอยที่รุ่น Pro จะได้แข็งแรงกว่าถึง Gorilla Glass Victus 2 นั่นเอง แถมอีกนิดมีลำโพงคู่ให้ทางด้านบน
รอบตัวเครื่องต่างกันที่วัสดุ เพราะรุ่น Pro เท่านั้นที่จะได้วัสดุแบบโลหะ อลูมิเนียมแต่รุ่นปกติจะเป็นพลาสติก แค่จับถือก็รู้ว่าน้ำหนักต่างกันทันที ประกอบไปด้วย
- ฝั่งซ้าย : ปล่อยเรียบ
- ฝั่งขวา : ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด / ปืดเครื่องแบบใหม่ที่ทำให้จับเครื่องได้กระชับมากขึ้น
- ส่วนบน : IR Blaster ไมโครโฟน
- ส่วนล่าง : ช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM, ไมโครโฟน, USB-C, ลำโพงหลัก
ด้านหลังจะต่างกันชัดเจนเมื่อวางคู่กัน พบว่า ด้านหลังของรุ่นปกติจะออกแบบเรียบ ส่วนรุ่น Pro จะออกแบบให้ผิวด้านกว่าทำให้สามารถจับต้องได้ง่ายและไม่ลื่นมากนัก
การแสดงผลภาพ / เสียง
ทั้งคู่ให้ภาพและเสียงที่ดูสมจริงกับหน้าจอที่ให้การแสดงผลที่สวยงาม และยังมาพร้อมกับลำโพงกลับให้เสียงที่ดังดีใช้ได้ด้วยครับ
ประสิทธิภาพของ Xiaomi 14T Series
ทั้งคู่เลือกใช้ขุมพลังจาก MediaTek Dimensity ทั้งคู่แต่เมื่ดทดสอบพบว่า รุ่น Pro ที่ได้สเปกใหม่ก็ทำคะแนนได้ดีกว่า และห่างจากรุ่นปกติพอสมควร แต่โดยรวมแล้ว ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากหรอกครับ
ส่วนโหมดการเล่นเกมยังมี Game Turbo ให้ได้กดใช้งานอยู่ ที่สามารถเข้าโหมดปลดล็อคให้เครื่องประสิทธิภาพของเครื่องมาแบบมาแรงเต็มๆ
การเชื่อมต่อคล้ายกัน แต่รุ่น Pro จะได้ Wi-Fi 7 ก็จะรองรับการเชื่อมต่อในอนาคตได้มากกว่า แต่รุ่นปกติ ไม่ได้แย่ให้ Wi-Fi 6e ก็พอเพียงต่อการใช้งานครับ
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
แม้ว่าแบตเตอรี่จะมีขนาด 5000 mAh เท่ากัน แต่เมื่อลองใช้งานพว่าต่างกันเล็กน้อย โดยรุ่น 14T จะอยู๋ได้สั้นกว่ารุ่น Pro เล็กน้อยเพราะ Dimensity 9300+ ออกแบบให้จัดการพลังงานได้กว่า แต่ถ้าเล่นเกมแล้วพบว่า รุ่น Pro ก็เผาแบตฯ เก่ง ทั้งคูุ่ถ้าวางแผนใช้งานดีๆ สามารถใช้งานได้ทั้งวันครับ
ส่วนระบบการชาร์จไฟรุ่นปกติทำได้ 67W แบบสาย แต่รุ่น Pro จะรองรับกำลัง 120W แบบสายและไร้สาย 50W ถือว่าแรงเอาเรื่องนะ
ฟีเจอร์เด่นของ Xiaomi 14T
Xiaomi 14T Series ยังมาพร้อมกับ HyperOS พื้นฐาน Android 14 จุดเด่นแบบสัมผัสได้คือความคล่องตัวลื่นไหลและการแจ้งเตือนที่มีการปิดส่วนบนที่อยู่ของกล้องคลุมลงมาทำได้สวยงามและไม่เหมือนกัน และยังอัปเกรดได้อย่างน้อยที่สุดก็ราวๆ 4 ปีได้แน่นอน
นอกจากนี้ความเร็วในการใช้งานถือว่ามากขึ้นด้วยและแทบไม่มี Apps อื่นมากวนใจ ช่วยให้การทำงานลื่นไหลมากขึ้นด้วยครับ ส่วนระบบความปลอดภัยคือ การสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ และ สแกนใบหน้าพร้อมกับการแยกพื้นที่ได้ด้วย
สำหรับลูกเล่นกล้องจะคล้ายกับ Xiaomi 14 และ Xiaomi 14 Ultra แต่เพิ่มเรื่อง Portrait Mode และ Master Cinema เข้ามาทำให้การถ่ายภาพมีอารมณ์ที่แปลกใหม่มากขึ้น และเก็บรายละเอียดกันสั่นทำได้ดีเกินคาดอีกด้วย
ตัวอย่างภาพของ Xiaomi 14T
(รุ่นพื้นฐาน)
(รุ่น Pro)
(กล้องหน้า ทั้งรุ่นพื้นฐานและรุ่น Pro เหมือนกัน)
สรุปหลังลองใช้งาน Xiaomi 14T Series
เรียกว่า Xiaomi 14T Series ทั้ง 2 รุ่นเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในงบช่วง 16,000 ไปจนถึง 25,000 บาท ได้ทั้งวกล้องที่มีคุณภาพสูงพร้อมกับสเปกเครื่องที่มาแบบพอเพียงทำให้คุณสามารถทำอะไรได้หลากหลายมากขึุ้น อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนของรุ่นนี้เมื่อเทียบกับรุ่นที่สูงกว่าคือ การซูมที่เยอะๆ เท่านั้นที่อาจจะยังทำไม่ได้ดีเท่าไหร่ และรุ่น 14T Pro ภาพอาจจะใกล้เคียง Xiaomi 14 ตัวเล็กพอสมควร แต่ถ้าใครอยากได้สเปกจบ ในเงินที่มีแค่ที่บอก ผมว่าสามารถตัวนี้เลือกได้
เลือกตัวไหนดีกว่ากัน
สำหรับคำถามสุดท้ายก่อนจบและปิดท้ายที่สเปกนั้นต้องตอบคนอ่านกันว่าตัวไหนเหมาะกับใคร วันนี้เรามาดูคำตอบแบบชัดๆ กันเริ่มจาก
- Xiaomi 14T : เหมาะกับคนที่ต้องการมือถือที่เน้นความคุ้มค่าได้กล้องดีและความจำที่พอเพียง และไม่อยากได้เครื่องที่แรงจัดแต่งบประมาณขอลดลงมาสักหน่อย นี่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
- Xiaomi 14T Pro : เหมาะกับคนที่มองหาความคุ้มอีกแบบแต่สเปกมาเต็ม และเน้นความจำเพราะคุณสามารถได้ความจำ 1TB ในราคา 25,000 บาท ที่ใครก็ให้ไม่ได้อีกแล้วนั่นเอง
สเปกของ Xiaomi 14T Series
Xiaomi 14T Pro |
Xiaomi 14T |
ขนาด 160.4 x 75.1 x 8.4 มม. หนัก 209 กรัม |
ขนาด 160.5 x 75.1 x 7.8 – 8.0 มม. น้ำหนัก 193 – 195 กรัม |
จอ AMOLED 6.67 นิ้ว 1220×2712 พิกเซล, Refresh Rate 144Hz Dolby Vision HDR 10+ ความสว่าง 1,600 – 4,500 nits |
จอ AMOLED 6.67 นิ้ว 1220×2712 พิกเซล, Refresh Rate 144Hz Dolby Vision HDR 10+ ความสว่าง 1,600 – 4,500 nits |
ขุมพลัง MediaTek Dimensity 9300+ |
ขุมพลัง MediaTek Dimensity 8300 Ultra |
ความจำ RAM 16GB / พื้นที่ความจำ 512GB / 1TB |
RAM 12GB ความจำ 256GB / 512GB |
กล้องหน้า 32MP+ วิดีโอ 4K / Full HD HDR 10+ |
กล้องหน้า 32MP+ วิดีโอ 4K / Full HD HDR 10+ |
กล้องหลัง 50 MP (F/1.6 +OIS + PDAF), 50 MP (Telephoto 2.6x) + 12 MP (Ultra Wide) วิดีโอ 8K, 4K , Full HD, 10-bit Rec 2020 HDR 10+, LED Flash (Leica Lens) |
กล้องหลัง 50 MP (F/1.6 +OIS + PDAF), 50 MP (Telephoto 2.6x) + 12 MP (Ultra Wide) วิดีโอ 4K , Full HD, 10-bit Rec 2020 HDR 10+, LED Flash (Leica Lens) |
รองรับ Wi-Fi 7, 5G, Bluetooth 5.4 GPS พอร์ต USB-C |
รองรับ Wi-Fi 6e, 5G, Bluetooth 5.4, GPS |
แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จไฟ120W + Wireless Charge 50W |
แบตเตอรี่ 5000 mAh ชาร์จไฟ 67W |
กันน้ำ IP68 |
กันน้ำ IP68 |
สี : Titan Gray, Titan Blue, Titan Black |
สี : Titan Gray, Titan Blue, Titan Black, Lemon Green |