รีวิว Thor: Love and Thunder โคตรบู๊ เน้นฮา แต่บทจะเศร้าก็ทำเอาคนดูน้ำตาไหล หนังรักเรื่องแรกจาก MCU ควรจูงมือแฟนไปดูเรื่องนี้
Thor: Love and Thunder ภาพยนตร์ภาคที่ 4 ของตัวละครหนึ่งเดียวในแก๊ง Big Three ของ Avengers ที่ได้ไปต่อหลังจากสมาชิกอีกสองคนอย่าง Iron Man และ Captain America ได้ปิดตำนานลงไปแล้ว สำหรับ Thor: Love and Thunder เป็นเรื่องราวของ Thor เทพเจ้าสายฟ้าที่หลังจบศึกใน Avengers Endgame ก็ได้ออกเดินทางปกป้องจักรวาลกับเหล่า Guardians of the Galaxy พร้อมๆ กับการค้นหาตัวตน ความสงบสุข และลดความอ้วน โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของเรื่องนั้นก็จะโฟกัสไปในทิศทางของความ ตลกโปกฮา ตามสไตล์ของ ผกก. ไทก้า ไวทีที (Taika Waititi) ที่ได้เปลี่ยนให้เทพสุดหล่อเท่มาเป็นเทพสายฮา ตั้งแต่ภาค Ragnarok
เสริมทัพด้วยตัวละครเก่าที่นำมาเล่าใหม่อย่าง Jane Froster นางเอกคนรักชาวโลกของ Thor ที่อยู่ๆ ก็ได้รับพลังจากค้อนโยเนียร์ และกลายเป็น Mighty Thor ที่มีบทบาทและที่มาที่ไปอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้ Thor ในภาคนี้มีรสชาติแปลกใหม่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการส่งมุกตลกกันได้อย่างโบ๊ะบ๊ะ แบบที่ไม่คิดว่าจะมาได้สุดกู่ขนาดนี้ และด้วยการแสดงของ นาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) ที่มีออร์ร่าความเป็นฮีโร่พลังหญิง อย่างที่แฟนๆไม่คาดคิดมาก่อนว่าเธอจะเฉิดฉายในบทฮีโร่กับเขาด้วย แต่บอกได้เลยว่าสุดปังทุกครั้งที่ได้เห็นเธอปรากฏตัวในแต่ละช่วงของเรื่อง
และเพื่อไม่ให้มันขำจนปอดโยกเกินไปการนำ ตัวละคร Gorr นักฆ่าล้างบางเทพเจ้า ที่เป็นตัวร้ายหลักก็ทำให้เรื่องราวกลมกล่อมได้มากยิ่งขึ้นด้วยการแสดงของ คริสเตียน เบล (Christian Bale) ที่ขับเน้นอารมณ์ ความโกรธแค้น ความสิ้นหวัง ที่มีต่อเทพเจ้าในแบบที่สามารถทำให้คนดูเข้าใจหัวอกตัวละครเลยว่าทำไม Gorr เลือกเส้นทางที่จะล้างบางเทพเจ้า ซึ่ง คริสเตียน เบล ก็ทำได้ออกมายอดเยี่ยมสำหรับเวลาที่ไม่มากนักที่จะเล่าความเป็นมาของตัวละครนี้
แต่ที่หลายคนคาดหวังแล้วไม่ผิดหวังแน่นอนนั้นก็คือเรื่องของพัฒนาการของตัวละคร Thor ทีแฟนๆ ต่างอยากรู้ว่าหลังปล่อยตัวอ้วนฉุเขาจะกลับมาเทพสมชื่อได้อีกครั้งหรือไม่ จะมีพัฒนาการของเรื่องร่างกายอย่างไร โดย Thor ในภาคนี้จะทีการเผยให้เห็นเรื่องของพัฒนาการทางด้านจิตใจของ Thor หลังจากเขาสูญเสียแทบจะทุกสิ่งที่เขารักไป ทำให้ Thor มีความเป็นมนุษย์มากยิ่งขึ้น ที่แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยความบ้าพลัง ความตลกโปกฮา แต่จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ต้องการความรักและกลัวการสูญเสีย ซึ่งเป็นประเด็นที่เราไม่เคยเห็นจากภาคไหนๆ และ เป็นตัวบ่งชี้ว่า Thor ยังสามารถมีภาคต่อๆไปได้อีก การเดินทางของตัวละครนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้
โดยทั้งหมดทั้งมวลนั้นถูกปั่นรวมให้ออกมาและนำเสนอในมูทโทนของ หนังรัก เรื่องแรกของจักรวาล MCU ที่สมกับชื่อ Love and Thunder โดยแท้จริง เพราะในเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงที่อัดแน่นไปด้วยฉากแอคชันที่ใส่มาแบบไม่ยั้ง ไม่เน้นคุยเน้นลุยและปล่อยมุกเรี่ยราดตามทางแต่แก่นแท้ของเรื่องนี้คือการเน้นที่เด่นชัดชูประเด็นในเรื่องของความรัก ที่อยากจะแนะนำให้จูงมือคนรักไปดูหนังเรื่องนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
Thor คิดถึงใครมากกว่ากันกับสองฮีโร่ผู้จากไป ระหว่าง Tony Stark และ Captain America
แฟน Marvel ฉุน ตัวอย่าง Thor: Love and Thunder โวยในภาคนี้ Thor จะกลายเป็นเกย์ นี่มันหนังเกย์ชัดๆ
Elsa Pataky ภรรเมียตัวจริง เทพเจ้า Thor สุดแพรวพราวในตูดสามี ไม่ชวนแฟนๆดูหนังแต่ชวนมาดู ตูด Thor