กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้งในรอบนี้ทีมได้รับเครื่อง Redmi Note 13 Series ทั้งหมด 3 ตัวที่วางจำหน่ายในเมืองไทย โดยประกอบด้วย Redmi Note 13, Redmi Note 13 5G และ Redmi Note 13 Pro+ 5G สำหรับรอบนี้เรามารีวิวแบบครบทุกตัวในบทความเดียว มันจะน่าสนใจแค่ไหน เรามาดูกันเลยครับ
รายละเอียดสเปกของ Redmi Note 13 Pro+
- ขนาดตัวเครื่อง 161.4 x 74.2 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 204.5 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ CrystalRes AMOLED display
- ความละเอียดหน้าจอ : 1220 x 2712, Refresh Rate 1- 120Hz ความสว่าง 1,800 nits + Dolby Vision
- กระจกหน้าจอ : Corning® Gorilla® Victus
- มาตรฐานการกันน้ำ IP68
- ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 7200 | GPU : Mali G610 MC4
- RAM: 8GB / 12GB แบบ LPDDR5
- ความจำในตัว :256GB / 512GB แบบ UFS 3.1
- ไม่สามารถเพิ่มความจำได้
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + MIUI 14
- การเชื่อมต่อ 5G/4G WiFi 6 (AX), GPS, Bluetooth 5.2 A-GPS, GPS, NFC
- ช่องเสียบ USB-C
- รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง
- ระบบเสียง : ด้านบนและล่าง รองรับ Dolby ATMOS
- ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล F/1.65 PDAF + 16 – 1 Super Pixel
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, FHD 60/30 FPS, Slowmotion , Timelapse
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 120W
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วในหน้าจอ
- สี : Midnight Black, Moonlight White, Aurora Purple
รายละเอียดสเปกของ Redmi Note 13 5G
- ขนาดตัวเครื่อง 161.11 x 74.95 x 7.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 174.9 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ AMOLED display
- ความละเอียดหน้าจอ : 2400×1080, Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 1,000 nits
- กระจกหน้าจอ : Corning® Gorilla® 5
- มาตรฐานการกันน้ำ IP54
- ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 6080 | GPU : Mali G57
- RAM 8GB / 12GB LPDDR4X
- ความจำในตัว :256GB / 512GB แบบ UFS 2.2
- เพิ่มความจำผ่าน MicroSD
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + MIUI 14
- การเชื่อมต่อ 5G/4G WiFi 5 A(C), GPS, Bluetooth 5.3 A-GPS, GPS, NFC
- ช่องเสียบ USB-C + ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง + MicroSD
- ระบบเสียง : เฉพาะด้านล่าง
- ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล F/1.7, 9-in-1 binning to 1.92μm pixel
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ, FHD 60/30 FPS, Slowmotion, Timelapse
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 33W
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วด้านข้าง
- สี : Graphite Black, Ocean Teal, Arctic White
รายละเอียดสเปกของ Redmi Note 13
- ขนาดตัวเครื่อง 162.24 x 75.55 x 7.97 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 188.5 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.67 นิ้ว ใช้หน้าจอ AMOLED display
- ความละเอียดหน้าจอ : 2400×1080, Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 1,000 nits
- กระจกหน้าจอ : Corning® Gorilla® 5
- มาตรฐานการกันน้ำ IP54
- ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 685 | GPU : Mali G57
- RAM 8GB / 12GB LPDDR4X
- ความจำในตัว :256GB แบบ UFS 2.2
- เพิ่มความจำผ่าน MicroSD สูงสุด 1TB
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + MIUI 14
- การเชื่อมต่อ 4G WiFi 5 (AC), GPS, Bluetooth 5.3 A-GPS, GPS, NFC
- ช่องเสียบ USB-C + ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง + MicroSD
- ระบบเสียง : ทั้งด้านบนและล่าง
- ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล F/1.65 F/1.7, 9-in-1 binning to 1.92μm pixel
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 119 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ, FHD 60/30 FPS, Slowmotion, Timelapse
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 33W
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วในหน้าจอ
- สี : night Black, Mint Green, Ice Blue, Ocean Sunset
แกะกล่องของ Redmi Note 13 Series
- ตัวเครื่อง
- ที่ชาร์จไฟ (Redmi 13 / 5G ได้ 33W) | Redmi Note 13 Pro+ 5G ได้ 120W
- สายชาร์จแบบ USB-C
- คู่มือ
- เคสตัวเครื่อง
การออกแบบของ Redmi Note 13 Pro+ 5G
เริ่มต้นกับตัวเครื่องของ Redmi Note 13 Pro+ 5G ใหม่จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ CrystalRes AMOLED display ขนาดหน้าจอ 6.67 นิ้ว Refresh Rate 120Hz โดยตัวเครื่องจะมีหน้าจอกระจกแบบ Gorilla Glass Victus แข็งแรงกว่าเดิม Refresh Rate 120Hz ด้วยกัน หน้าจอแบบนี้ก็ตอบสนองการเล่นเกมที่ดีเพราะความลื่นไหลของหน้าจอนั้นถือว่าโดดเด่นมากและยังให้สีสันตรงทั้ง DCI-P3 = 10)% รองรับ Dolby ATMOS และ Reading Mode แถมลดแสงสีฟ้าตามมาตรฐานของ TUV Rheinland มาให้ด้วย
ด้านบนจะมีกล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และ ด้านล่างมีปุ่มควบคุมของเครื่องที่เรียกว่าใช้งานง่ายมากขึ้นด้วยกัน
รอบตัวเครื่องเป็นแบบเรียบง่ายแต่ขอบจะโค้งลงมาทั้งด้านบนและล่างด้วยกัน ฝั่งซ้ายไม่มีอะไร, ฝั่งขวามาพร้อมกับปุ่ม Power และ ปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง
ด้านบนมาพร้อมกับ IR Blaster, ลำโพง, ไมโครโฟนคู่ด้วยกัน ส่วนด้านล่างมีช่องใส่ซิม, USB-C ไมโครโฟน และลำโพงขนาดใหญ่
พลิกมาด้านหลังพบกับด้านหลังเป็นวัสดุแบบ Gloss ที่มีความโดดเด่นอย่างมาก และนอกจากนี้ยังมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ดังนั้นน้ำหนักและการจับถือถือว่าไม่ได้หนักเกินไปนะครับ แต่ความลื่นอาจจะต้องแนะนำใส่เคสดีกว่าครับ
การออกแบบ Redmi Note 13 / Note 13 5G
มาที่รุ่นรองกันบ้าง หน้าจอของทั้งคู่เป็นแบบเรียบขนาด 6.67 นิ้ว เท่ากันกับ Redmi Note 13 Pro+ แต่ว่าไม่โค้งเลยแม้แต่น้อย การแสดงผลทำได้ดีพอกันแต่ว่า Refresh Rate จะเป็น 120Hz แบบ Fixed แล้ว
การแสดงผลหน้าสดใสและยังลดแสงได้ถึง 960Hz และการรับรองจาก TÜV Rheinland 3 อย่าง ประกอบด้วย การปราศจากการกระพริบ (Flicker Free), แสงสีฟ้าต่ำ (Low Blue Light) และการเป็นมิตรทางชีวภาพตลอดทั้งวันกับผู้ใช้งาน (Circadian Friendly) เรียกได้ว่าถนอมสายตาสุดๆ และความสว่างทำได้ 1,000 nits
รอบตัวเครื่องออกแบบเหลี่ยมแต่ยังเน้นการจับที่ง่ายอยู่ โดยทั้งคู่วางตำแหน่งของถาดใส่ซิมไม่เหมือนกัน ฝั่งซ้ายเฉพาะรุ่น 5G ที่จะมีถาดใส่ซิมแบบ Hybrid Slot (Nano SIM + MicroSD / Nano SIM)
อีกฝั่งจะมีปุ่ม Power (เฉพาะรุ่น 5G ที่จะมีระบบสแกนนิ้ว) และมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียงมาให้
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังพร้อมกับ กับ IR Blaster, ลำโพง, ไมโครโฟน
ส่วนด้านล่างจะมีไมโครโฟน, ช่องเสียบ USB-C ลำโพงหลัก แต่ว่าถ้าเป็นรุ่น 4G ถาดใส่ซิมอยู่ที่นี่ และเป็น Hybrid Slot เช่นกัน
พลิกมาด้านหลังตัวฝาหลังเป็นแบบด้านทั้งคู่ ตำแหน่งของกล้องอยู่ด้านแบบเดียวกันทั้งคู่ และสิ่งที่ต่างคือ โลโก้ 5G เท่านั้น สำหรับน้ำหนักในการจับถือว่าทำได้ใกล้เคียงกันทั้งคู่
ประสิทธิภาพของเครื่อง
สำหรับเรื่องของประสิทธิภาพของเครื่องนี้ ถือว่าได้แรงใช้ได้อยู่ครับและและยังได้ความจำเยอะทำให้ในเรื่องการทำงานของเครื่องนั้นถือว่าโดดเด่นและมีความแตกต่างจากมือถือรุ่นที่แล้วที่เน้นแต่กล้องอย่างเดียวรุ่นนี้เอามาเล่นเกมก็ยังทำได้ดีครับ
นอกจากนี้ยังมีโหมดจัดการเกี่ยวกับเกม อย่าง Game Turbo ซึ่งเป็นรุ่นเดียวที่มี พอจะดึงศักยภาพของเครื่องมาได้เพิ่มเล็กน้อย
การเชื่อมต่อ รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.3, GPS, A-GPS การนำทางใช้ได้และยังตอบสนองได้รวดเร็ว
ส่วน 2 รุ่นที่เหลือนั้น แม้ว่าจะเป็นแค่ตัวรองแต่คะแนนที่เห็นกลับไม่ได้มองว่าแย่นะครับ เพราะเมื่อนำมาเล่นเกม สำหรับรุ่น Redmi Note 13 5G อยู่ระดับที่ใช้ได้ แต่ Redmi Note 13 ถือว่าทำได้ระดับพอใช้ได้ แต่ยังเล่นได้ลื่นเมื่อเทียบกับราคาเท่านนี้
การเชื่อมต่อก็ยังรองรับ 4G, 5G, Wi-Fi 5, Bluetooth, GPS ,A-GPS ถ้าเป็นคนที่ต้องการการจับสัญญาณที่ดีทำได้ทั้งคู่ ครับ
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
Redmi Note 13 Series มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ MIUI 14 พื้นฐาน Android 13 แต่สามารถอัปเดตต่อไปที่ Android 14 + HyperOS ได้เช่นกัน ทั้งหมดสามารถแบ่งหน้าจอเป็น 2 หน้าจอในหน้าเดียวและทำ Apps เป็นแบบ Popup ได้
นอกจากนี้เครื่องมืออื่นๆ ก็ยังมีติดตั้งมาให้เช่น Apps กระจกส่องหน้า, เครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ, ระบบดูแลอุปกรณ์และอื่นๆ รวมถึงบริการที่สามารถดาวน์โหลด Apps ผ่าน Google Play Store
ส่วนระบบความปลอดภัยในการเข้าหน้าจอ Redmi Note 13 Pro+ 5G และ Redmi Note 13 จะมีระบบสแกนนิ้วใต้หน้าจอ ส่วน Redmi Note 13 5G จะเป็นสแกนนิ้วด้านข้าง และสแกนใบหน้าแบบ 2D และยังมีโหมดสามารถซ่อน Folder ที่เราไม่ต้องการให้คนอื่นที่มายุ่งกับมือถือของเราเปิด
ฟีเจอร์ของการถ่ายภาพ
ในเรื่องกล้องนั้นยังคงได้ลูกเล่นเหมือนกับ Xiaomi เรียกได้ว่าครบไม่ว่าจะเป็น
- โหมดโปร สามารถวัดระดับน้ำและยังสามารถ
- มีฟิลเตอร์เยอะมาก ลูกเล่นต่างๆ มีให้ครบและยังถ่ายภาพแบบโคลนได้และมีกล้องคู่ มาให้ด้วย ที่สำคัญเรื่องใส่ใจรายละเอียดเช่นการปรับรูปแบบของ Timelaspe ให้เลือกใช้ความเร็วที่ง่ายมากขึ้น
- และในรุ่น Pro+ จะมีฟีเจอร์ให้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือเครื่องอื่นเพื่อเป็นการสลับระหว่างกล้องอื่นได้
แต่ว่าสิ่งที่น่าเสียดายแค่เมนูกล้องเล็กไปหน่อยเท่านั้นเอง
ผลงานภาพของ Redmi Note 13 Pro+ 5G
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
ผลงานภาพจาก Redmi Note 13 / Redmi Note 13 5G
(กล้องหน้า)
(กล้องหลัง)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
ขนาดแบตเตอรี่ของทั้ง 3 ตัวมีขนาดเท่ากันคือ 5,000 mAh แต่ด้วยสเปกที่ต่างกันเลยทำให้ผลการทดสอบแบตเตอรี่ต่างกันดังนี้
- Redmi Note 13 Pro+ 5G การใช้งานจริงสามารถใช้งานได้โดยการเปิดหน้าจอราวๆ 3:40 ชั่วโมง ส่วน PC Mark ทำได้ 9:33 ชั่วโมง
- Redmi Note 13 5G การใช้งานเปิดหน้าจอเฉลี่ยที่ 3:30 ชั่วโมง ส่วน PC Mark ทำได้ 7:17 ชั่วโมง
- Redmi Note 13 การใช้งานเฉลี่ยทำได้ 3:52 ชั่วโมง ส่วน PC Mark 11:07 ชั่วโมง
ส่วนระบบชาร์จไฟนั้น Redmi Note 13 / Redmi Note 13 รองรับกำลังชาร์จไฟ 33W และให้ในกล่อง แต่สำหรับรุ่น Pro+ จะได้ที่ชาร์จกำลัง 120W ที่เรียกว่าชาร์จไฟเร็วมากๆ และมีให้ในกล่องเช่นกัน
สรุปหลังจากได้ใช้งาน Redmi Note 13 Series ทั้งตระกูล
โดยสรุปแล้วสำหรับการทดลองใช้งาน Redmi Note 13 Series ทั้ง 3 รุ่นก็จับบุคลิกได้ดังนี้
- Redmi Note 13 : รุ่นเริ่มต้นที่รอบนี้ได้หน้าจอที่มีดีและลื่นไหลเวลาเล่นเกมมากขึ้น กล้องภาพนิ่งดีขึ้น แต่ว่าวิดีโอยังอยู่ระดับปานกลางเท่านั้น แต่สำหรับราคาเพียง 6,999 บาท RAM 8GB /256GB ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับคนที่อยากได้มือถือแบตฯ อึดรุ่นนี้ OK อย่างมาก
- Redmi Note 13 5G : ขยับมาอีกนิดกับ แค่เติมเต็มเรื่องการเชื่อมต่อ แต่ว่าอาจจะต้องยอมแลกอะไรที่หายไปเช่นแบตเตอรี่ไม่อึดเท่า และลำโพงหายไป แต่ที่เหลือ ถ้างบไม่เยอะ และชอบเล่นเกม กับราคา 7,999 บาท สำหรับ RAM8GB / 256GB และ 9,999 บาท สำหรับ RAM 12GB /512GB
- Redmi Note 13 Pro+ 5G : อัปเดตมากพอสมควร เปลี่ยนขุมพลังที่ไว้ใจได้ กล้องเปลี่ยนเซ็นเซอร์ทำให้ระบบโฟกัสทำงานได้รวดเร็ว และสีสันสวยงาม กับงบที่ 13,990 บาท สำหรับ RAM 12GB / 256GB และ 15,990 บาท สำหรับ RAM 12GB / 512GB (มีโปร อัปเกรดความจุ และ ประกันจอแตก)
ทั้งนี้ Redmi Note 13 Series ทุกรุ่น วางจำหน่ายช่องทางทั้งออนไลน์ และหน้าร้านปกติ ใครสะดวกทางไหน ก็กดซื้อได้เลยครับ