กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้งหลังจากที่ realme 11 Pro Series เผยโฉมออกในตลาดโลกและในไทยไม่นาน วันนี้ ทีม Sanook Hitech จะพาคุณมาเจาะลึกรู้จักให้มากขึ้นกับ realme 11 Pro+ 5G ตัวนี้ว่ามันจะโดดเด่นอย่างไร พร้อมแล้วมาเริ่มกันเลย
รายละเอียดสเปกของ realme 11 Pro+ 5G
- ขนาดตัวเครื่อง 161.6 x 73.9 x 8.2 – 8.7 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 183 กรัม
- หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ใช้หน้าจอ AMOLED สีสัน 1 พันล้านสี
- ความละเอียดหน้าจอ : 1080 x 2412 พิกเซล, Refresh Rate 120Hz ความสว่าง 950 nits
- กระจกหน้าจอ : ไม่ได้ระบุ
- มาตรฐานการกันน้ำ : ไม่ได้ระบุ
- ชิปเซ็ต : MediaTek Dimensity 7050 | GPU: Mali-G68 MC4
- RAM: 12GB + Dash Memory Engine เพิ่มแบบ VRAM สูงสุด 12GB
- ความจำในตัว : 512GB
- ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำได้
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 + realme UI 4.1
- การเชื่อมต่อ 5G / 4G/ Wi-Fi 802.11 B/G/N/AC/AX(6), Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS, NFC
- ช่องเสียบ : USB-C
- รองรับ Nano SIM ทั้งหมด 2 ช่อง
- ระบบเสียง : ลำโพงคู่ทั้งบนและล่าง
- ระบบไมโครโฟน : 2 ด้านบนและล่าง
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล F/1.7 รองรับ PDAF, OIS
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 112 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, 1080p 480/120/60/30 FPS, 720p 960 FPS
- LED Flash
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับกำลังชาร์จไฟ 100W
- ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า และสแกนนิ้วมือในหน้าจอ
- สี : Sunrise Beige, Oasis Green
แกะกล่อง realme 11 Pro+ 5G
- ตัวเครื่อง realme 11 Pro+ 5G
- เคสใสของเครื่อง
- สายชาร์จไฟ USB-C to USB-A
- Adapter กำลัง 100W (Super VOOC)
- คู่มือ / ระบบความปลอดภัย
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ realme 11 Pro+ 5G
เริ่มต้นจาก realme 11 Pro+ 5G จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้วและเป็นจอโค้งที่สามารถใช้งานได้ดีหลายคนกลัวขอบลั่นแต่จากที่ทดลองแล้วปรากฏว่าน้อยลงกว่ารุ่นเดิมเพราะไม่ได้โค้งมากอย่างที่คิด ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ และได้ความสว่างที่มากอยู่
ส่วนบนจะมีกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล และมีเซนเซอร์ของเครื่องทั้งการจับหน้าจอเวลาโทรและแสงมากเกินไปหรือไม่
ส่วนล่างมีปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ Android สามารถเลือกได้ทั้งปุ่มปกติ หรือ การปัด โดยเปลี่ยนได้ในตั้งค่า > ค้นหาคำว่า การควบคุมหรือ Navigate
รอบตัวเครื่องถูกเลือกใช้ผิวโครเมี่ยม แตกต่างกัน โดยสีที่เราได้รับมาคือ “Sunrise Beige” ขอบทั้งหมดจะเป็นสีทองและดูเงางาม เริ่มต้นจากฝั่งซ้ายไม่มีช่องเสียหรือช่องใส่ซิม ไว้ดูเป็นความเงาของเครื่อง
ฝั่งขวาจะมีปุ่มเพิ่มลดระดับเสียง และ Power ปกติ เพราะรุ่นนี้สแกนลายนิ้วมืออยู่ในหน้าจอเหมือนกับ realme 10 Pro+ 5G ทั้งนี้การบันทึกหน้าจอหรือ Capture Screen ทำได้ 2 วิธี
- ใช้ 3 นิ้วปัดหน้าจอลงมา
- กดปุ่ม Power + ลดระดับเสียง
ด้านบนจะมีลำโพงตัวที่ 2 และไมโครโฟนตัวที่ 2 ติดตั้งมาให้
ด้านล่างมีทั้งช่องใส่ซิม Nano SIM 2 ช่อง, USB-C, ไมโครโฟน และลำโพงตัวหลัก
ไฮไลท์มือถือรุ่นนี้คือด้านหลังที่ออกแบบดูแพงกับการใช้ Premium Lychee Vegan Leather เฉพาะสี Sunrise Beige, Oasis Green ส่วนสีดจะเป็นวัสดุกระจกแทน โดยมีการใช้เส้นสีส้มตรงกลางทำเหมือนซิปกระเป๋าที่ดูดีมีราคา แต่จริงๆ งานออกแบบของมือถือรุ่นนี้ตั้งใจทำให้เหมือนกับเป็นถนนที่ตัดผ่านตึก 2 ฝั่งนั่นเอง
ต้องบอกว่ารอบนี้ realme กล้าเล่นดีไซน์แบบนี้ เพราะได้มือดีการออกแบบอย่าง Matteo Menotto (อดีตดีไซน์เนอร์ออกแบบลายพิมพ์ของแบรนด์ GUCCI) มาร่วมออกแบบ ช่วยให้ตัวเครื่องดูมีราคาแพง
ภาพรวมการออกแบบ / น้ำหนักของเครื่อง
โดยรวมแล้ว realme 11 Pro+ 5G ออกแบบสมดุลเพราะน้ำหนักเครื่องที่รับรู้จากการถือโดยเฉพาะสีนี้อยู่ที่ 183 กรัมเท่านั้นกลายเป้นมือถือรุ่นหนึ่งที่มีน้ำหนักเบาอีกรุ่นในกลุ่ม และถ้าเป็นแบบ Premium Leather Vegan ใช้คำว่าไม่อยากใส่เคสเลย เพราะมันผิวสัมผัสมันนุ่มนิ่มกับมือมากพอตัวเลย ครับ
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
การแสดงผลหน้าจอของ realme 11 Pro+ 5G ยังให้ความคมชัดสูงนอกจากความละเอียด FHD+ แล้วยังมีค่าสีที่ตรงและสวยเพราะใช้หน้าจอ AMOLED นั่นเอง แถมยังแตะสัมผัสได้ทันใจเวลาเล่นเกม จะมีจุดสังเกตคือบาง Content เท่านั้นที่ได้ค่า Refresh Rate 120Hz
ส่วนลำโพงรุ่นนี้ติดตั้งมาให้ 2 ตัวเครื่องแต่จากการที่ลองฟังแล้วพบว่าลำโพงด้านล่างจะดังกว่าดานบนเหมือนกับด้านบนจะมีอาการอั้นกว่าชัดเจน อย่างไรก็ดียังรองรับการเสียบ ตัวแปลง 3.5 มิลลิเมตรและ Bluetooth A2DP, aptx เน้นคุณภาพเสียงอยู่นะ
ประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม / การใช้งานกับเครือข่าย และการเชื่อมต่อ
จากที่เห็นคะแนน ทั้ง Antutu, 3DMark และ Geekbench 5 ต้องบอกว่าขุมพลัง MediaTek Dimensity 7050 ไม่ได้เน้นคะแนนที่สูงมากนักเท่ากับการเล่นเกม มันทำได้แต่การประมวลผล 3D หรือการ Render อาจจะต้องรอคอยสักหน่อยครับ
แต่อย่างไรก็ตาม realme ก็ติดตั้งตัวช่วยการเล่นเกมทำให้สามารถในเครื่องมีทั้งปรับประสิทธิภาพสูงขึ้น บันทึกหน้าจอ ปิดการแจ้งเตือน และแสดงผล Popup หน้าจอได้เช่นเดียวกัน
ส่วนการเชื่อมต่อรองรับ 5G/4G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, ระบบการเชื่อมต่อ GPS, A-GPS การใช้นำทางถือว่าตอบโจทย์ได้ดีอยู่ครับมีความแม่นยำ แต่ใส่ซิม 5G จะเป็น Dual Standby
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย
ทางด้านระบบปฏิบัติการของ realme 11 Pro+ 5G จะมาพร้อมกับ Android 13 ใหม่ล่าสุดและ realme 4.0 ตัวระบบปฏิบัติการสามารถปรับได้ตามใจคุณตั้งแต่ Folder, รูปแบบ icon และ สีสันของภายใน และยังสามารถใช้งานแบบ Multi Window และ การ Popup Apps
ฟีเจอร์ภายในถือว่าครบเครื่อง มีทั้งเครื่องคิดเลข, เครื่องอัดเสียง, เข็มทิศ และอื่นๆ ถ้าไม่พอสามารถดาวน์โหลดเพิ่มได้
ระบบความปลอดภัยจะมาพร้อมกับสแกนลายนิ้วมือ, สแกนใบหน้ามาให้เหมือนเดิม
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ realme 11 Pro+ 5G ประกอบด้วย
- กล้องมีหลังประกอบด้วย 3 ตัวด้วยกันประกอบด้วย
- กล้องหลักความละเอียด 200 ล้านพิกเซล F/1.7 รองรับ PDAF, OIS
- กล้องมุมกว้าง ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมองกว้าง 112 องศา
- กล้อง Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- รองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 30 FPS, 1080p 480/120/60/30 FPS, 720p 960 FPS
- LED Flash
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล FHD 30 FPS
ฟีเจอร์ภายในของกล้อง
มาดูฟีเจอร์การถ่ายภาพกันพบว่าคล้ายๆ กับ realme 9 Pro+ เป็นต้นมา มีให้เลือกทั้งโหมด Street เล่นฟิลเตอร์ได้ วิดีโอมีฟีเจอร์การช่วยกันสั่นที่ดีมากขึ้นหนักแน่นขึ้น นอกจากนี้ยังฟีเจอร์โหมดโปรมาให้เลือกใช้อยู่ พร้อมกับระบบ Auto Zoom แตะแล้วซูมได้ทันที
เช่นเดียวกับกล้องหน้าเพราะมีลูกเล่นช่วยละลายหลังได้เยอะ แต่ว่ามีข้อสังเกตหน่อย ถ้าปรับให้ละลายหลังสำหรับวิดีโอและภาพนิ่ง โดยไม่ใช้ฟิลเตอร์พบว่ามันจะลดความละเอียดลงเหลือ 720p
ผลงานตัวอย่างภาพของ realme 11 Pro+ 5G
(กล้องหลัง)
ภาพกลางวัน
ภาพกลางคืน
ภาพอื่นๆ
(กล้องหน้า)
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
ขนาดแบตเตอรี่อยู่ที่ 5000 mAh ถือว่าใหญ่ สามารถใช้งานได้ทั้งวันได้สบายๆ และมีลูกเล่นช่วยประหยัดพลังงานและรักษาแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้นาน การทดสอบ PCMark อยู่ได้ 16:33 ชั่วโมง (จาก 100 – 19%)
ส่วนระบบชาร์จไฟของเครื่องรุ่นนี้จะรองรับกำลัง 100W และให้ติดกล่องมาให้ในกล่องด้วยครับ ถ้าใครทำแบตฯหมด และต้องการชาร์จไฟให้เร็วแกะที่ชาร์จติดกล่องมาให้ได้เลย แต่ถ้าใช้ที่ชาร์จอื่นๆ เสียบกับมือถือรุ่นนี้จะได้กำลังสูงสุด 18W เท่านั้น
สรุปหลังสัมผัส realme 11 Pro+ 5G มือถือสุดสวยและความรู้สึกหลังที่ทีม Sanook Hitech ได้ลอง
มาทั้งหมดนี้ต้องบอกว่า realme 11 Pro+ 5G เป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่ใช้งานออกแบบสวยมาก แต่ภายในเน้นเรื่องการถ่ายภาพ มากกว่ารองมาคือการใช้งานทั่วไป เกมสักน้อยหน่อย ดังนั้นใครที่มองหามือถือรุ่นกลางที่ถ่ายภาพดี realme 11 Pro+ 5G ผมว่าเลือกได้เลย
เพราะ นานๆ ที realme จะทำมือถือสวยแบบน่าจดจำจนเรียกว่า ถ้าใครได้จับมีต้องหลงอย่างแน่นอน เพราะราคาของเครื่องมีดังนี้
- realme 11 Pro 5G = 12,999 บาท มีสี Sunrise Beige และ Astral Black
- realme 11 Pro+ 5G = 16,999 บาท มีให้เลือก 2 สีคือ Sunrise Beige และ Oasis Green
โปรโมชั่นของทั้งคู่ สามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฎาคมผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยสามารถสั่งจองได้ในราคาเพียง 500 บาท พิเศษสำหรับช่วงพรีออเดอร์รับของแถมฟรี! มูลค่า 9,999 บาท และรับส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละ ช่องทาง หรือสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคมเป็นต้นไป รับฟรี realme Gift Box มูลค่า 1,999 บาท
และส่วนลด 1,000 บาทจากช่องทางออนไลน์ (Lazada) ตั้งแต่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคม (ในรุ่น realme 11 Pro 5G จะเริ่มก่อนในวันที่ 29 มิถุนายน – 6 กรกฎาคม)
แต่ถ้าราคาของตัวท็อปแพงไปรุ่น 11 Pro 5G ก็ยังน่าเลือกต่างกันที่ความละเอียดและตัดเลนส์มุมกว้างออกไปเท่านั้น แต่งานออกแบบเหมือนกันเลย โดยสรุปแล้ว realme 11 Pro Series เน้นเรื่องการออกแบบที่โดดเด่นและยังฟีเจอร์ไม่ขาดตกบกพร่อง เหลือแค่คุณมีงบและความต้องการแบบไหนเลือกได้ทั้งคู่เลยครับ
จุดเด่น
- งานออกแบบสวยและน่าจดจำ
- กล้องโดดเด่นโดยเฉพาะตัวหลักทำงานได้รวดเร็วและโฟกัสดี
- ระบบปฏิบัติการใหม่ ยังไงก็ได้ไปต่อแน่นอน
- ระบบชาร์จไฟเร็วมาก
- แบตเตอรี่ถือว่าโดดเด่นใช้งานได้นาน
- ความจำเยอะที่สุดของมือถือ Number Series ของ realme
ข้อสังเกต
- ขุมพลังใหม่แต่ไม่ได้เน้นแรง
- ชาร์จไฟด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ในกล่อง จะช้าไปหน่อย