กลับมาพบกับการรีวิวมือถือ และ Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้งสำหรับในการรีวิวมือถือเรือธงอย่าง OPPO Find X3 Pro ที่ถือว่าเป็นที่สุดของ OPPO และเขาบอกว่าจอพันสี กล้องพันสี เทคโนโลยีการถ่ายใกล้แบบ Microscope แทบจะจ่อติด มันดีจริงไหม เรามาดูกันในรีวิวนี้กันครับ
แกะกล่อง OPPO Find X3 Pro ประกอบไปด้วย
- ตัวเครื่อง OPPO Find X3 Pro
- สายชาร์จไฟ USB-C รองรับกับที่ชาร์จ 65W SuperVOOC 2.0
- หูฟัง USB-C
- เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
- เคส
- คู่มือ / ใบรับประกัน
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ OPPO Find X3 Pro
เริ่มต้นกับดีไซน์ด้านหน้าของ OPPO Find X3 Pro โดยมีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้วความละเอียด WQHD+ โดยมีจุดเด่นในทั้งสีสันที่มากมายระดับ 10-bit สวยมากมายเลยครับ
ส่วนบนของหน้าจอของเครื่องจะมีลำโพงตัวเครื่องที่สามารถปล่อยเสียงพน้อมกับกล้องหน้าอยู่มุมซ้ายมือ ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
ส่วนล่างจะมีปุ่มกดสั่งงานระบบปฏิบัติการและสามารถเข้าไปเปลี่ยนการตั้งค่าได้ที่ ตั้งค่า (Setting) > เครื่องมืออำนวยความสะดวก (Convenience Tools) > การนำทาง (Navigation) คุณสามารถเลือกได้ทั้ง
- การปัด
- ปุ่มกดทั่วไปในแบบ 3 ปุ่มเท่านั้น
รอบตัวเครื่องเป็นวัสดุอลูมิเนียมโครเมี่ยมที่สวยงามมากเลยครับ ฝั่งซ้ายจะมีปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง
ฝั่งขวามีปุ่มสำหรับเปิด / ปิดตัวเครื่องพร้อมกับโลโก้สีเขียวเพื่อบอกว่าตัวเครื่องสามารถเปิด / ปิดเครื่องแค่นั้นเอง
ส่วนบนมีแค่เส้นเสาอากาศพร้อมกับไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนเวลาถ่ายวิดีโอ หรือ พูดเคยเวลาโทร
ส่วนล่างมาพร้อมกับ USB-C สำหรับชาร์จไฟ, ช่องใส่ซิมการ์ด, ไมโครโฟนตัวเครื่อง, ไมโครโฟน
พลิกมาด้านหลังกล้องจะมีความนูนขึ้นอย่างชัดเจน และมีพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวพร้อมกับ LED Flash ส่วนเลนส์นั้นมุมซ้ายจะมีเลนส์ Macro ที่มีไฟใช้สำหรับช่วยในการส่องในที่ใกล้และด้านหลังสำหรับสีที่ได้มาทดลองคือสีดำ จะเป็นผิวด้าน แต่ถ้าเป็นสีฟ้าจะเป็นผิวแบบ Matte หรือ ผิวด้านนั่นเอง
ภาพรวมการออกแบบ
ตัวเครื่องแม้ว่าจะได้หน้าจอที่ใหญ่โตถึง 6.7 นิ้ว แต่ว่าได้เฟรมและความบางของเครื่องช่วยทำให้เครื่องเบาและถือได้คล่องกว่าเดิม น้ำหนักเครื่องที่เบาทำให้ติดตั้ง Gimbal และใช้ถ่ายได้ง่ายมากกว่า
สำหรับสีสันของเครื่องจะมีให้เลือกทั้งสีดำ และ สีฟ้า อย่างที่บอกไปตั้งแต่ขั้นต้น
เปิดเครื่องลองใช้งานทุกด้านของ OPPO Find X3 Pro
รายละเอียดสเปกของ OPPO Find X3 Pro
- หน้าจอ LTPO AMOLED พิกเซลขนาด 7 นิ้วความละเอียดระดับ 3216×1440 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 5 – 120Hz
- ขนาดตัวเครื่อง 6 x 74 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก 193 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888
- กราฟิก :Adreno 660
- หน่วยความจำ RAM ขนาด12GB LPDDR5 3200MHz
- หน่วยความจำภายในความจุ256GB
- การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX หรือ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, 5G / 4G
- ลำโพงStereo ทั้งบนและล่างปรับจูนโดย Harman / Kardon
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พร้อม OIS, EIS, Omni-directional PDAF
- กล้องหลัง50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 เลนส์ Ultra Wide รูรับแสง F/2.2
- กล้องTelephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 รองรับการซูมแบบ Optical 2x, Hybrid Zoom 5x และ ซูมไกลสุด Digital Zoom 20x
- กล้องตัวที่3 มีขนาด 3 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์ Macro ที่สามารถซูมและเข้าใกล้ได้ เรียกอีกชื่อว่า Telemacro โดยสามารถเจาะเข้าไปได้ 60 เท่า และยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Full HD อีกด้วย
- ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68
- ระบบปลดล็อค Face Recognition Optical Finger Print ในหน้าจอ
- แบตเตอรี่ความจุ4500mAh
- รองรับระบบชาร์จไฟเร็วSuperVOOC กำลัง 65W(แบบสาย), รองรับชาร์จไร้สาย AirVOOC Wireless กำลัง 30W จ่ายไฟออก หรือ Power Share กำลัง 10W
- ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วยColor OS 11.2
- สี ฟ้า และ ดำ
การทดสอบประสิทธิภาพ
ผลการทดสอบประสิทธิภาพจาก AnTuTu = 662,501 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพจาก Geekbench 5 = 915 คะแนน (Single Core) | 3,084 คะแนน (Multi Core)
ด้งนั้นการทดสอบประสิทธิภาพถ้าเร็วกว่านี้ก็คงเป็นมือถือ Gaming แล้วครับ แต่ OPPO เองก็มีฟีเจอร์ Game Space ทำให้สามารถปรับประสิทธิภาพในการเล่นเกมด้วยครับ ถือว่าเป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่เล่นเกมได้ดี และภาพตอบสนองได้ดีครับ
การเชื่อมต่อไร้สาย / การนำทาง
ส่วนการเชื่อมต่อรองรับทั้ง 5G / 4G LTE มาให้ครบเครื่องและยังรองรับ Wi-Fi 6 พร้อมกับ Bluetooth 5.2 รุ่นใหม่ล่าสุดพร้อมกับ GPS, A-GPS เป็นต้นทำให้การนำทางจะทำได้ดีแม่นยำ
การแสดงผลภาพ / ระบบเสียง
ในการแสดงผลของหน้าจอ 6.7 นิ้วเป็นแบบ LTPO AMOED ที่ให้สีสันคมชัดระดับ 10 bit และนอกจากนี้ยังมาพร้อมกับสเปกของเครื่องที่มาแบบจัดเต็มเลยครับ และยังมีค่า Refresh Rate ที่เป็นแบบ Adaptive ได้สูงสุด 120Hz
ส่วนลำโพงของเครื่องมาพร้อมกับด้านบนและล่างพร้อมกัน พร้อมกับมีการปรับแต่งระบบเสียง Dolby ATMOS มาให้สามารถปรับรูปแบบได้แต่ว่าจะไม่สามารถปรับได้ผ่านลำโพงตัวเครื่องเท่านั้น ถือว่าน่าเสียดาย ความดังของลำโพงทั้งด้านบนและล่างไม่เท่ากัน โดยด้านบนจะเบากว่าเป็นต้น
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ของเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
แม้ว่าจะเป็นมือถือเรือธงของ OPPO แต่ว่าระบบปฏิบัติการของ OPPO Find X3 Pro จะยังคงใช้ Android 11 พร้อมกับ Color OS 11.2 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถแบ่งหน้าจอได้ และมี Notification ที่ใช้งานได้ง่ายมากครับ
ฟีเจอร์อื่นๆ ก็มาพร้อมกับเครื่องมือพื้นฐานไปจนถึงเครื่องมือที่ขั้นสูง แต่อยากแนะนำจริงๆ ว่าในเครื่องนี้โปรแกรม So Loop ทำให้การถ่ายวิดีโอของคุณสนุกเพราะมีลูกเล่นมากมายกลองใช้ดูได้ หากไม่พอสามารถดาวน์โหลดผ่าน Google Play Store
ระบบความปลอดภัยก็มาพร้อมกับระบบสแกนนิ้วมือในหน้าจอ และมีระบบสแกนใบหน้ามาให้
เปิดกล้องลองถ่ายภาพ
สำหรับกล้องของ OPPO Find X3 Pro จะประกอบไปด้วย
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องหลังความละเอียด50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 ขนาดเซนเซอร์ 1/1.56 นิ้ว รูรับแสง F/1.8 พร้อม OIS, EIS, Omni-directional PDAF
- กล้องหลัง50 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 เลนส์ Ultra Wide รูรับแสง F/2.2
- กล้องTelephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง F/2.4 รองรับการซูมแบบ Optical 2x, Hybrid Zoom 5x และ ซูมไกลสุด Digital Zoom 20x
- กล้องตัวที่3 มีขนาด 3 ล้านพิกเซล เป็นเลนส์ Macro ที่สามารถซูมและเข้าใกล้ได้ เรียกอีกชื่อว่า Telemacro โดยสามารถเจาะเข้าไปได้ 60 เท่า และยังรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Full HD อีกด้วย
ฟีเจอร์ของกล้อง OPPO Find X3 Pro
มวลรวมของ Interface ของกล้อง OPPO Find X3 Pro ยังคงเหมือนกับมือถือ OPPO ทั่วไปที่มีโหมดครบเครื่องเพียงแต่ว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือในเรื่องฟีเจอร์ต่างๆ ของกล้องที่มีมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น
- การเก็บรายละเอียดพันล้านสี หรือ 10-bit Color ทำกับเมื่อคุณถ่ายภาพมาแล้ว สีสันจะตรงและเหมือนกับตาคุณเห็นอีกด้วยครับ
- ในเรื่องการถ่ายวิดีโอก็มีฟีเจอร์ Pro Video ที่เพิ่มคุณสมบัติทั้ง HDR ที่เก็บรายละเอียดของสีได้ดีมากขึ้น แต่น่าเสียดายที่ทีม Sanook Hitech สังเกตว่า กล้องที่จะต้องใช้ระยะในการซูมนั้นไม่ได้ใส่ระบบกันสั่นแบบ OIS มาให้เหมือนกับกล้องหลักและ Ultra Wide แต่ความกว้างยังเท่ากับคู่แข่งเพราะมีมุมมองที่ 119 องศา
- ความละเอียดในการถ่ายวิดีโอของ OPPO Find X3 Pro ยังคงทำได้แค่ 4K 60 FPS เท่านั้น อาจจะไม่ได้เยอะเหมือนกับคู่แข่ง แต่ผลดีคือ ทุกรูปแบบของ OPPO Find X3 Pro ยังคงสามารถตั้งค่าให้เป็นโหมดโปรได้ทั้งหมด
แต่ทีเด็ดของรุ่นนี้คือโหมด Microscope ที่สามารถส่องเข้าหาวัตถุ แบบใกล้มาก โดยสามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดนผ่านกล้อง Telemacro ความละเอียด 3 ล้านพิกเซล ให้กำลังขยายสูงสุด 60 เท่าครับ ถ้าโหมดนี้ทำงานวงแหวนของกล้อง Macro จะเปิดไฟเพื่อให้ส่องเข้าไปได้ใกล้ง่ายมากขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO Find X3 Pro
ภาพกลางวัน
ภาพแสงน้อย
ภาพอื่นๆ ที่กล้องถ่ายภาพได้
ภาพจากกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
สำหรับกล้องของ OPPO Find X3 Pro จะมาพร้อมกับ 32 ล้านพิกเซล และมีลูกเล่นในการปรับรายละเอียดที่น่าสนใจไม่น้อยเพราะมีการเพิ่มการปรับฟิลเตอร์ และ การปรับ Beauty Mode เป็นต้น และวิดีโอถ่ายได้ความละเอียดสูงสุด ที่ 4K
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่มีขนาด 4500 mAh ไม่ได้แตกต่างจากรุ่นที่แล้ว แต่ว่าเมื่อทดลองใช้งานถ้าเป็นการเปิด 5G และใช้งานหนักรับรองไม่ถึงวันก็หมดแล้ว จะอยู่ได้ 8 ชั่วโมง การทดสอบ PC Mark ทำได้ 12 ชั่วโมง แต่ถ้าปิด 5G จะใช้งานได้นานกว่าเดิม
สำหรับระบบชาร์จไฟของ OPPO Find X3 Pro ทำได้ตรงกันข้ามกับแบตเตอรี่ที่หมดเร็วเพราะรองรับกำลังชาร์จไฟแบบ 65W ที่มีชื่อว่า SuperVOOC 2.0 และ ชาร์จไฟไร้สาย AirVOOC กำลัง 30W แต่ว่าที่ชาร์จรองรับกำลัง 45W และยังจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อื่นแบบไร้สายกำลัง 10W ด้วยกัน
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้งาน OPPO Find X3 Pro สักระยะเวลาหนึ่ง
เรียกได้ว่าเป็นมือถือเรือธงที่ให้ความแตกต่างเพราะมาที่เบาสุด สเปกของเครื่องที่จัดหนัก และลูกเล่นครบเครื่อง อาจจะไม่ได้มีอะไรหวือหวามาก แต่เน้นความจำเป็น แลกกับสีสันของหน้าจอสวยกล้องถ่ายภาพที่เจาะใกล้มาก และมีกล้องภาพรวมที่เก็บรายละเอียดสีที่สวยงาม แต่เรื่องการซูมต้องทำใจว่ายังทำได้พอใช้เท่านั้น หรือ ไม่สามารถเทียบกับ OPPO Find X2 Pro ตัวก่อน แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเช่นเดียวกันครับ
สำหรับราคาของ OPPO Find X3 Pro นั้นอยู่ที่ 33,990 บาท อาจจะแพงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ว่าก็ถูกกว่ากลุ่มของ Ultra FlagShip บางรุ่นครับ หากคุณมองถึงเรื่องของประสิทธิภาพองค์รวมพร้อมกับสเปกเครื่องที่ครเบครื่องแบบนี้ OPPO Find X3 Pro ยังคงเป็นมือถือที่ให้คำตอบได้ดี เพราะราคาไม่แพงเกินไปครับ
จุดเด่น
- เครื่องบางเบาต่อ Gimbal ได้สะดวก
- ชาร์จไฟเร็วมาก
- สเปกถือว่าสูงมาก
- กล้องให้สีที่คมชัดและมีลูกเล่นแพรวพราว
- อัปเดตระบบปฏิบัติการไปต่อได้ไกลแน่นอน
- กันน้ำด้วยครับ
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ค่อนข้างลงไว
- ยังคงมีความร้อนเกิดขึ้นในการเล่นเกม
- Telephoto ไม่มี OIS
- กล้องมุมกว้างยังแคบไปหน่อย