กลับมาพบกับรีวิว Gadget จากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง รอบนี้กลับมาพร้อมกับมือถือรุ่นใหม่จากทาง OnePlus นั่นคือ OnePlus Nord 2 5G ซึ่งขายจริงก่อน OnePlus 9 Series ซะอีกมาดูกันว่ารุ่นนี้มีความน่าสนใจแค่ไหน รับชมได้เลย
แกะกล่องของ OnePlus Nord 2 5G
- ตัวเครื่อง OnePlus Nord 2 5G
- เคสใสของ OnePlus Nord 2 5G
- ปลั๊กชาร์จกำลัง 65W
- สายชาร์จ USB-C to USB-C
- สติ๊กเกอร์ / คู่มือของ OnePlus Nord 2 5G
รูปลักษณ์และดีไซน์ของ OnePlus Nord 2 5G
เริ่มต้นกับด้านหน้าของตัวเครื่องจะมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 6.43 นิ้วด้วยกัน และมีความสว่างของหน้าจอที่เรียกได้ว่าสูงเพราะใช้แบบ Fluid AMOLED เช่นเคย
ส่วนบนสุดจะมีกล้องหน้าแบบเจาะรูความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมกับติดตั้งลำโพงไว้กลางเครื่องส่วนบนมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีเซนเซอร์สำหรับปิดหน้าจอเมื่อหน้าแนบกับเครื่องมาให้
ส่วนล่างจะเป็นปุ่มสำหรับควบคุมตัวเครื่องทั้งนี้สามารถเปลี่ยนเป็นแบบปัดอย่างเดียวได้
โดยการเข้าไปที่ ตั้งค่า (Setting) เครื่องมืออำนวยความสะดวก (Conversation Setting) > การนำทาง (Navigation)
รอบตัวเครื่องเป็นเฟรมโลหะตัดกับกระจกทั้งบนและล่างประกอบไปด้วยฝั่งขวามือจะเป็นปุ่มสำหรับปรับ Profile เสียง, ปุ่มสำหรับเปิด / ปิดเครื่อง ถ้าต้องการ Restart กดปุ่มนี้ค้างไว้จนกว่าจะขึ้นปุ่มให้ปิดเครื่องและ Restart แล้วผลักไปที่ Restart ครับ
ส่วนฝั่งซ้ายจะมีปุ่มสำหรับปรับระดับเสียง และจะ Capture หน้าจอสามารถใช้งานปัดจากหน้าจอด้วย 3 นิ้ว หรือจะกดปุ่มลดเสียงและปุ่มเปิด / ปิด เครื่อง
ส่วนบนมาพร้อมกับไมโครโฟนของเครื่องทำให้เสียงรบกวนลดลงอยู่
ส่วนล่างสุดจะมาพร้อมกับ ไมโครโฟนตัวเครื่อง, USB-C ไว้สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และ ลำโพงตัวเครื่องและทำงานร่วมกับด้านบนทำให้เสียงดังขึ้น
ด้านหลังเป็นแบบกระจกพร้อมกับกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน การวาง Layout จะเหมือนกับกล้องของ OnePlus 9 ปกติ และมีกล้องหลัง LED Flash แบบ Truetone เป็นต้น และมีโลโก้ 1+
ภาพรวมการออกแบบของ OnePlus Nord 2 5G
และแน่นอนว่าภาพรวมของ OnePlus Nord 2 5G นั้นออกมาเป็นการผสมระหว่าง OnePlus 9 และ OnePlus Nord รุ่นเดิม น้ำหนักของเครื่องถือว่าเบาดีและสีสันเครื่องสวยงาม อย่างไรก็ตาม จุดที่ผมชอบคือเครื่องไม่หนาจับได้ถนัดมือดี แต่ว่าสิ่งที่รู้สึกเลยคือมันดูแพงเพราะแน่นอนว่าเหมือนกับ OnePlus 9 อยู่พอสมควร แต่สีสันมีให้เลือกแค่ Blue Haze ที่ได้มาทดลอง และ Gray Sierra เท่านั้น
เปิดเครื่องลองใช้งาน OnePlus Nord 2 5G
รายละเอียดสเปกเครื่อง OnePlus Nord 2 5G
- หน้าจอ Fluid AMOLED ความละเอียด 1080 x 2400 พิกเซล ขนาด 6.43 นิ้ว ค่า Refresh Rate ระดับ 90Hz
- ขนาดตัวเครื่อง: 158.9 x 73.2 x 8.3 มม.
- น้ำหนัก: 170 กรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล: MediaTek Dimensity 1200 | Adreno 619
- หน่วยความจำ: RAM ขนาด 6/8/12GB
- หน่วยความจำภายในความจุ: 128 / 256GB
- หน่วยความจำภายนอก –
- การเชื่อมต่อ: 5G (Dual Mode), WiFi 802.11 AX (WiFi 6), Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Sony IMX615
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F1.8 PDAF + OIS เซนเซอร์ Sony IMX766
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา F 2.2
- เลนส์ Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
- ระบบปลดล็อค Face Recognition สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical
- แบตเตอรี่ความจุ: 4500mAh
- รองรับ Warp Charge 65W (แบบสาย)
- ระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย Oxygen OS 11.3
- สี: Blue Haze และ Gray Sierra
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ / การทดลองเล่นเกม
คะแนนประสิทธิภาพจาก AnTuTu = 590,817 คะแนน
คะแนนประสิทธิภาพจาก Geekbench 5 = 810 คะแนน (Single Core) | 2,488 คะแนน (Multi Core)
คะแนน 3DMark
เมื่อทดสอบประสิทธิภาพออกมาแล้วหากเทียบกับรุ่นเดิมอย่าง OnePlus Nord ต้องบอกว่ามันค่อนข้างเปลี่ยนแปลงเยอะใช้ได้เลยครับ และทีนี้ในเรื่องของการเล่นเกมก็มีฟีเจอร์เกี่ยวกับการปรับประสิทธิภาพอยู่และรวมไปถึงการปิดไม่ให้มีการแจ้งเตือนมารบกวนได้ และยังมีเทคโนโลยีเพิ่ม RAM ผ่านการสลับความจำเหมือนกับมือถือจีนบางรุ่นที่ทำได้
แต่ถ้าอยากให้ปิดแบบสุดๆ ต้องกดโหมด Pro Gamer เพราะมันจะปิดและเร่งประสิทธิภาพ ปรับให้เครือข่ายต่อเชื่อมกับเกมได้ทันที และยังมีปุ่มให้กดบันทึกช่วงเวลา 15 วินาทีหลังจากที่ได้เล่นเพื่อเป็นการบันทึกช็อตเด็ดไปลง Social Network ได้ด้วย
การเชื่อมต่อไร้สาย / ทดลองใช้นำทาง
การเชื่อมต่อกับ OnePlus Nord2 แบบไร้สายยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี 5G แบบ Dual SIM, 4G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2 และเรื่องการนำทางรองรับ GPS, A-GPS การจับสัญญาณทำได้รวดเร็วและแม่นยำดีใช้ได้ ดังนั้น Rider ที่จะซื้อไปใช้ประกอบอาชีพ ผมว่าไม่มีปัญหาในเรื่องนำทางครับ
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
ในส่วนนี้แทบจะยกจากของเดิมมาเลยก็ว่าได้ เพราะ OnePlus Nord 2 5G มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.43 นิ้วความละเอียด 2400×1080 พิกเซล และเป็นหน้าจอแบบ Fluid AMOLED รองรับค่า Refresh Rate 90Hz
ส่วนระบบเสียงนั้นรอบนี้ให้ระบบเสียงแบบบนและล่างทำให้การคุณภาพเสียงที่ได้นั้นมีความดังมากพอสมควร และยังมีการปรับแต่เสียงด้วย Dirac
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ที่โดดเด่น / ระบบความปลอดภัย
ส่วนระบบปฏิบัติการเลือกใช้ Oxygen OS 11.3 ซึ่งรอบนี้พบว่าการแสดงผลสีสันอะไรนั้น มีความคล้ายกับ Color OS 11 อยู่พอสมควร รวมไปถึงฟีเจอร์บางอย่าง แต่ที่เด่นชัดสุดจะเป็นในหน้าตั้งค่าและ Interface การจัดวางคล้ายกันมากขึ้น และรวมไปถึงการปรับแต่ง UI แม้ว่าจะปรับแต่งได้เยอะจนเรียกว่าโมได้หมด แต่ก็เหมือนกับ Color OS อยู่ดี คาดว่าเพราะเป็นการที่ ทีมพัฒนารวมกัน ข้อดีคือ ยังคงมีเอกลักษณ์ของตัวเองคือ คลีนและลื่นกว่าฝั่งของ OPPO อยู่ แต่มันก็ทำให้ความเป็น Pure Android ดูลดลงไป
ส่วนลูกเล่นที่เหลือไม่ได้เพิ่มเติมเพราะเน้นความให้สามารถทำงานได้ลื่นไหลก็เลยติดตั้ง Application แต่พอดีเท่านั้นอย่างน้องมี OnePlus Community, ฟีเจอร์สลับอุปกรณ์มาให้ครบ
ส่วนระบบความปลอดภัยในการเข้าเครื่องให้ระบบสแกนใบหน้า และ สแกนนิ้วมือในหน้าจอมาให้อยู่
เปิดกล้องลองถ่ายภาพด้วย OnePlus Nord 2 5G
- กล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล Sony IMX615
- กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น
- กล้องตัวหลักความละเอียด 50 ล้านพิกเซล F1.8 PDAF + OIS เซนเซอร์ Sony IMX766
- เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา F 2.2
- เลนส์ Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
ทั้งหมดนี้ยังมี LED Flash 1 ดวงมาควบคุมทางด้านหลังและหน้าจอด้านหน้ายังเพิ่มแสงและลบเงาได้สำหรับกล้องหน้า และเมื่อได้เซนเซอร์กล้องหลักเป็นแบบ Sony IMX766 ก็มีคุณภาพที่ดีไม่เบาเลยครับ
ฟีเจอร์กล้องหลักของ OnePlus Nord 2 5G
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดเจนสำหรับ OnePlus Nord 2 5G หลังจากที่ได้ทดลองคือ Interface ที่ควบคุมกล้อง เพราะว่า มันคือแบบเดียวกับ Color OS เสียดายแค่ไม่สามารถปัดขึ้นเพื่อเลือกเมนูกล้องแบบเร่งด่วนได้แล้ว แต่ว่าข้อดีคือการเก็บเมนูย่อยของแต่ละโหมด สามารถเรียกได้ง่ายขึ้น แทบไม่ต้องไปกดใน Setting ยกเว้นแค่ ลายน้ำเท่านั้น
ลูกเล่นของกล้องนั้นถ้าเป็นแบบปกติทั่วไปรองรับทั้ง AI การปรับฟิลเตอร์ที่มีการทำละลายหลังหรือจะเป็นการทำให้สีฉากนั้นหายไปเหลือแต่ตัวแบบที่เป็นสีเท่านั้น และยังมีฟีเจอร์ถ่ายวิดีโอกล้องหน้าหลังคู่ การถ่ายวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K 30 FPS และยังมีโหมดภาพยนตร์ที่เป็นเหมือนกับโหมดโปรของฝั่งวิดีโอมาให้และยังมี Timelaspe, Slowmotion ให้เลือกแต่ไม่ได้ช้าระดับ 960 FPS แต่ก็น่าใช้อยู่ครับ
ตัวอย่างภาพที่ได้ทดลองถ่ายจาก OnePlus Nord 2 5G
ภาพกลางวัน / แสงปกติ
ภาพกลางคืน / แสงน้อย
ภาพรูปแบบอื่นๆ
ลองใช้กล้องหน้าของ OnePlus Nord 2 5G
ลูกเล่นกล้องหน้านั้นไม่ได้แตกต่างจากกล้องหลังเยอะ แต่วิดีโอนั้นจะมีเพิ่มระบบกันสั่นมาให้ด้วย ซึ่งด้านหลังนั้นไม่ได้มีโหมดนี้มาให้และยังมีฟิลเตอร์ละลายหลังมาให้สำหรับการถ่ายวิดีโอ รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K
แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ OnePlus Nord 2 5G มีขนาดอยู่ที่ 4500 mAh เมื่อทดลองใช้งานจริงก็พบว่า ถ้าไม่ได้ใช้งานหนักถือว่าสอบผ่านได้อย่างสบาย แต่ว่าถ้ามีการใช้เล่นเกมหนักใน FW แรกค่อนข้างกินไฟพอสมควร เมื่อทดลองแล้วสามารถใช้งานได้แค่ 10 ชั่วโมง แต่ว่าใน Firmware ที่อัปเดตหลังจากทดลองนี้ไม่นาน ก็พบว่า แบตเตอรี่อึดขึ้นกว่าเดิม โดยการทดสอบ PC Mark ทำได้ 15:27 ชั่วโมง ส่วนการเล่นเกมทำได้ดีกว่าเดิมแค่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น
ส่วนระบบชาร์จไฟของ OnePlus Nord 2 5G จะมาพร้อมกับปลั๊กชาร์จติดกล่องกำลัง 65W หรือ Warp Charge นั่นเองและมีเทคโนโลยีช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน คือจะตัดไฟเมื่อชาร์จได้ 80% และจะเร่งให้เต็มในตอนเช้าอีกด้วย
สรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ได้ทดลองใช้งาน OnePlus Nord 2 5G มาสักระยะเวลาหนึ่ง
OnePlus Nord 2 5G เป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่ให้คำว่าสมบูรณ์แบบในราคาที่ไม่ต้องจ่ายแพงมากยังคงได้อยู่ กับสเปกที่สุดของ MediaTek อย่าง Dimensity 1200 AI ปรับมาเพื่อใช้งานกับ สเปกของเครื่องรุ่นนี้ได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงกล้องใหม่ทำให้ เวลาเจอสภาพแสงต่างๆ ก็ทำได้ดีขึ้น แถมระบบชาร์จไฟกำลัง 65W และให้ติดกล่องมาด้วย เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของเครื่องไปเลย
แต่เรื่องหนึ่งที่ยังรับไม่ได้คือเรื่องของราคามือถือรุ่นนี้ที่มีดังนี้
- OnePlus Nord 2 5G RAM 8/128GB = 17,990 บาท จะเป็นสี Blue Haze
- OnePlus Nord 2 5G RAM 12/256GB = 18,990 บาท จะเป็นสี Gray Sierra
ต้องบอกตามตรงว่าเมื่อเทียบกับมือถือในระดับเดียวกันถือว่าค่อนข้างสูงจนทำให้หลายคนอาจจะเลือกหนักแต่อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบชื่อชั้นของ OnePlus ที่ได้ความที่มีกลิ่นอายของความ Pure Android อยู่บ้าง นี่ก็ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีครับ แถมเดี๋ยวนี้ OnePlus เข้าศูนย์บริการของ OPPO ได้แล้วก็ทำให้หมดห่วงเรื่องการซ่อมได้ระดับหนึ่ง
จุดเด่น
- ขนาดเครื่องเหมาะมือและน้ำหนักเบา
- ลำโพงได้ทั้งบนและล่างให้เสียงดังกำลังดี
- กล้องสวยและให้สเปกมาครบเครื่อง
- ปุ่มเปลี่ยน Profile เสียงกดใช้งานง่าย
- สีสันตัวเครื่องสวย
- ขุมพลังฉลาดจัดการพลังงานในการใช้งานและเล่นเกมได้อย่างดี
- ชาร์จไฟเร็วมาก
ข้อสังเกต
- ระบบปฏิบัติมีกลิ่นอายของ OPPO เข้ามาพอสมควร
- ราคาสูงเกินไป
- ความร้อนเกิดขึ้นตอนเล่นเกมค่อนข้างมาก