กลับมาพบกับรีวิวจากทีม Sanook Hitech อีกครั้ง รอบนี้เราจะพาคุณมาพบกับคอมพิวเตอร์บางเบา พกสะดวก ที่ไม่คาดคิดว่าจะมาจากค่ายนี้คือ MSI กับรุ่น PRESTIGE 14 มันมีดีตรงไหนเรามาดูกับรีวิวนี้ได้เลย
รูปลักษณ์ดีไซน์ ของ MSI PRESTIGE 14
MSI PRESTIGE 14 รุ่นนี้ออกแบบเน้นเรื่องของการพกพาเมื่อคุณดูด้วยตาและเทียบกับกระดาษ A4 มันค่อนข้างเล็กและเท่ากัน ทั้งตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม เกรดดีที่จับแล้วดูดีไม่น้อย มาพร้อมกับโลโก้ MSI แต่ว่าคุณอาจจะมองว่าเป็นภาษาไทยกว่า แเรา
รอบตัวเครื่องเป็นวัสดุที่ดีมากประกอบไปด้วยช่องเสียบต่างๆ รอบตัว เริ่มต้นกับฝั่งซ้ายจะมีช่องเสียบ USB-C รองรับ Thunderbolt 4 พร้อมกับไฟสถานะการทำงานของเครื่อง
อีกฝั่งจะมีช่องเสียบ USB-A พร้อมกับช่องเสียบหูฟัง และ Micro SD Slot ไว้อ่านการ์ด Micro SD
ใต้เครื่องออกแบบให้มีช่องระบายอากาศเป็นรูปคลื่นเสียงและมาพร้อมกับลำโพงคู่ให้เสียงที่ตอบสนองได้ดี
ส่วนหลังเครื่อง จะเป็นที่อยู่ของแผ่นยางที่สามารถรองรับกับการเปิดหน้าจอแล้วมีการยก Keyboard ขึ้นทำให้คุณสามารถใช้พิมพ์งานได้อย่างคล่องตัว อย่างมากเลยทีเดียว และกางได้ 180 องศา
ส่วนด้านหน้าสามารถยกหน้าจอขึ้นเพื่อใช้งานได้ทันทีเรียกได้ว่าสะดวกมากๆ เพราะใช้นิ้วเดียวก็สามารถเปิดหน้าจอให้ยกขึ้นมา 5 องศา
ภายในเครื่องประกอบด้วยหน้าจอขนาด 14 นิ้วที่ออกแบบได้สวยดูดีแต่เป็นแบบป้องกันรอยนิ้วมือ ซึ่งมีข้อดีคือ มันทำความสะอาดได้ง่าย แต่ความสว่างอาจจะลดลงไปพอสมควร แต่มาพร้อมกับความละเอียดสูงระดับ 1920×1080 พิกเซล (Full HD) และมีกล้อง webcam มาให้เลือกใช้บริการและมีสแกนใบหน้าอยู่ข้างๆ WebCam
แป้นพิมพ์ที่เห็นสำหรับรุ่นจำหน่ายในประเทศไทย จะมีการสกรีนภาษาไทยมาให้แล้วครับ แป้นพิมพ์มีขนาดใหญ่ หนาและนุ่ม เวลาพิมพ์ข้อความหรือบทความเท่าที่จับการสัมผัสถือว่าดีและมีการตอบสนองที่แม่นยำ แถม เงียบด้วย เพราะเท่าที่ลองไปพิมพ์งานนอกสถานที่ แทบไม่ได้ยินเสียง Keyboard เลยครับ แถมยังมีไฟเรืองแสงให้พิมพ์เวลาที่แสงน้อยได้ด้วย
และมาพร้อมกับ Touch Pad ขนาดใหญ่และมีระบบสแกนลายนิ้วมือมาให้ให้และยังรองรับการสัมผัสแบบ Multi Touch
ภาพรวมการออกแบบ
ถือว่าเป็นเครื่องบางเบาและออกแบบให้เปิดแล้วใช้งานได้ทันที แต่พิเศษกว่าคือ น้ำหนักของเครื่องเบาเพราะที่ถือนั้นรู้สึกอยู่ประมาณ 1.2 กิโลกรัมเท่านั้นเอง ช่องเสียบมาให้แบบพอเพียงแต่มองไปแล้วว่าถ้ามี USB-A อีกสักช่องมันจะดีกว่านี้ครับ
เปิดเครื่องลองใช้งาน MSI Prestige 14 EVO (A11MO-038TH)
รายละเอียดสเปกเครื่อง
- หน้าจอแสดงผลขนาด 14 นิ้ว IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล
- ขนาด : 31.9 x 21.5 x 1.60 เซนติเมตร
- หนัก : 1.2 กิโลกรัม
- ชิปเซ็ตประมวลผล : Intel Core i7-1195 G7 (12M Cache,ความเร็ว 2.9 – 5 GHz)
- ชิปประมวลผลกราฟิก : Intel Iris Xe
- RAM : แบบ DDR4 16GB
- ความจุ(ROM) : SSD 512GB
- กล้องหน้า : HD Camera
- ตัวเชื่อมต่อ (Port)
- 1 x COMBO audio jack
- 1 x Type-A USB 2.0
- 2 x Type-C USB 3.2 รองรับ Thunderbolt 4
- MicroSD Card Reader
- เชื่อมต่อ Intel Wi-Fi AX 201 รองรับมาตรฐาน WiFi 11 AX (Wi-Fi 6), Bluetooth V5.1
- ลำโพง : 2 ด้านล่าง
- ไมโครโฟน : 2 ตัว
- ระบบปฏิบัติการ : Windows 10 64 Bit รองรับการอัปเกรดสู่ Windows 11
- แบตเตอรี่ขนาด 52 Wh ที่ชาร์จแบบ 65W Power Adapter แบบ USB-C รองรับแบบ Power Delivery
- สีเครื่อง ขาว Pure White, ดำ Carbon Gray
ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพที่ออกมาต้องบอกตามความจริงว่าอาจจะไม่ได้สุงเท่ากับกลุ่มของ Gaming Notebook แต่ก็ดีกว่า Main Stream Notebook หรือ คอมพิวเตอร์ทั่วไปพอสมควร ดังนั้นเครื่องรุ่นนี้จะสามารถรองรับการทำงานทั้งพิมพ์งานผ่าน อินเทอร์เน็ตได้ยาวนาน และยังรองรับการตัดต่อวิดีโอได้แบบเล็กน้อย และยังแก้ไขภาพกราฟิกได้แบบสบาย ๆ ครับ
แต่ที่ผมแปลกใจคือ เมื่อต้องเล่นเกมหนักๆ ระดับ Genshin Impact แล้ว มันยังเล่นได้ แสดงว่าขุมพลังนี้ไม่ธรรมดาซะแล้ว
การเชื่อมต่อของคอมพิวเตอร์รุ่นนี้มาพร้อมกับ Bluetooth 5.1 และมาพร้อมกับ Wi-Fi 6 หรือ 802.11AX ตามมาตรฐานที่มีการแปะของ Intel EVO Platform ที่เน้นการทำงานที่รวดเร็วและสามารถเปิดเครื่องแล้วใช้งานได้รวดเร็ว และยังสามารถทำงานได้เงียบ แต่ถ้าทำงานหนัก ดังไหม ใช้คำว่า มากอยู่เพราะพัดลมที่ติดตั้งนั้นใหญ่ใช้ได้เลยครับ
การแสดงผลหน้าจอ / ระบบเสียง
การแสดงผลในหน้าจอขนาด 14 นิ้ว แบบ IPS LCD ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล จุดเด่นแม้ว่าไม่ได้บอกว่ารองรับค่าสีอะไร แต่ว่าเท่าที่เห็นรายละเอียดของภาพและสีสันถือว่าคมชัดมากครับ เก็บรายละเอียดได้ดี
ตำแหน่งของลำโพงด้านล่างด้วยการวางที่เหมาะสมทำให้เสียงที่ออกมาถือดีมาก ดังกำลังดี แต่เสียดายที่ฟีเจอร์การปรับให้มาน้อยไปนิด แต่มีระบบ Noise Canceling และลดเสียงรบกวนของ Noise ถือว่า MSI ทำการบ้านเรื่องของเสียงรบกวนได้ครบและใช้ได้จริง
ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ของเครื่อง / ระบบความปลอดภัย
คอมพิวเตอร์รุ่นนี้เลือกใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ที่รองรับการอัปเกรดเป็น Windows 11 อย่างแน่นอนเพราะขุมพลังและ CPU รองรับการทำงานได้อย่างเต็มที่
ลูกเล่นที่ MSI จัดมาให้ครบไม่ว่าจะเป็น
- MSI Center Pro จะมาพร้อมกับลูกเล่นดูแลเครื่องและรักษาความเป็นส่วนตัว ปรับแต่งได้มากมายเช่น
- ดูแลเรื่องประสิทธิภาพให้สามารถปรับใช้ให้เหมาะกับแบตเตอรี่
- ดูแลเรื่องการใช้พลังงานว่าตอนนี้เครื่องอยู่ในรูปแบบไหนแบบอัตโนมัติผ่าน AI
- ดูแลเรื่องการใช้ระบบเสียง และเพิ่มระบบป้องกันเสียงรบกวนจากไมโครโฟน หรือ Noise Cancelation และป้องกันเสียงจากลำโพงไม่ให้มีเสียงรบกวนเข้าไมโครโฟน
- บอกความร้อนของ SSD
- ควบคุมการทำงานของ Application ภายในเครื่องให้อยู่ในรูปแบบไหนทั้งหมด
- ตรวจสอบภาพ Hardware วามีอะไรกำลังจะเสีย
- วิเคราะห์การใช้งานของคุณว่าเป็นอย่างไรเพื่อให้เครื่องปรับการทำงานให้เหมาะสม
- แจ้งเตือนการอัปเดตทั้งหมด รวมถึง Windows
- ตั้งค่าทั้งปุ่ม Windows Key, ไม่ให้เครื่องเปิด Webcam และ Switch Key ได้ด้วย
- และยังให้โปรแกรมติดเครื่องอย่าง Music Jam โปรแกรมทำเพลงที่มีให้ในเครื่อง ที่เหลือคุณสามารถใช้บริการผ่าน Microsoft Store ในการดาวน์โหลดโปรแกรมลงมาภายในเครื่องได้
นอกจากนี้ยังมีปุ่มกด ฟังก์ชั่นกดได้ตั้งแต่การเพิ่มลดระดับเสียง, ความส่วงหน้าจอ เปิด / ปิด Web Cam โดยภาพขึ้น Projector และการปรับประสิทธิภาพ โดยกดที่ F7 เปลี่ยนได้ทั้ง
- Performace เน้นเรียกประสิทธิภาพสูงแต่การประหยัดพลังงานต่ำ
- Balance ปรับให้สมดุลทั้งประสิทธิภาพและการใช้พลังงาน
- Silent โหมดรูปลม เน้นการทำงานเงียบ
- Battery Saving เน้นประหยัดไฟและเงียบในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าอยากปรับแต่งเองต้องเข้า MSI Center Pro
ส่วนระบบความปลอดภัยของ MSI PRESTIGE 14 มาพร้อมกับระบบสแกนใบหน้า และระบบสแกนลายนิ้วมือ ให้เลือกใช้งาน ผ่านการทำงานบน Windows Hello
แบตเตอรี่ / ระบบชาร์จไฟ
สำหรับแบตเตอรี่ของ MSI Prestige 14 EVO มีขนาดอยู่ที่ 52Whs ถูกเคลมว่าใช้งานได้นานสุดจากโรงงานว่า 12 ชั่วโมง แต่จากการทดลองใช้งานมาสักระยะ ถ้าปรับโหมดเครื่องเป็นแบบเรียกประสิทธิภาพ นั้นจะใช้งานได้แค่ 6 ชั่วโมง แต่ถ้าเลือกตาม MSI Control Pro จะสามารถให้คุณใช้งานแบบคงที่ในรูปแบบโหมด Smart อยู่ที่เกือบ 9 ชั่วโมง ถือว่านานแล้ว ถ้าอยากใช้งานได้แตะ 10 ชั่วโมง จะต้องหรี่แสงหน้าจอและปิดไฟ Keyboard ถึงจะได้เห็นการกินไฟระดับนั้นครับ
ส่วนระบบชาร์จไฟของเครื่องจะมาพร้อมกับ USB-C รองรับกำลังชาร์จไฟ 65W หน้าตาของที่ชาร์จมีขนาดเล็กพกพาง่าย แต่วำหรับใครมีที่ชาร์จเป็นระบบ Power Delivery ก็สามารถชาร์จไฟคอมพิวเตอร์รุ่นนี้ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อทดลองใช้งานแล้ว หากที่ชาร์จมีกำลังต่ำกว่า 65W จะไม่สามารถชาร์จไฟได้
บทสรุปหลังจากทีม Sanook Hitech ทดลองใช้ MSI Prestige 14 EVO (A11MO-038TH) มาสักระยะเวลาหนึ่ง
ถือว่าเป็นอีกก้าวหนึ่งของ MSI ที่อยากให้คุณได้เห็นว่าพวกไม่ได้มีดีแค่ Gaming Notebook แต่คอมพิวเตอร์หรูหราแบบนี้ก็ยังเป็นอีกเรื่องที่พวกเขาทำได้ดีไม่น้อย แม้ว่าอาจจะต้องยอมรับว่า การตกแต่งบางอย่างยังไม่ดูพรีเมี่ยมเท่าคู่แข่ง แต่มันทำให้ผมอยู่แล้วเกิดความสบายใจและยินดีที่จะเลือกซื้อมาใช้งานอีกรุ่นหนึ่ง
สำหรับ MSI Prestige 14 EVO (A11MO-038TH) กับสเปกที่ได้รับมาทดลองนี้จะมีราคา 37,990 บาท ถือว่าถูกมากกับสเปกที่คุณได้ และยังมีประกันตัวเครื่องที่ยาวนานเช่นเดียวกัน และหาซื้อได้ง่ายทั้งหน้าร้านและ ออนไลน์ Store ผมเลยมองว่า นี่เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลวเลยหากใครอยากได้คอมพิวเตอร์บางเบาแบบนี้ครับ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงามมาก น้ำหนักเบาพกง่าย
- สเปกถือว่าแรงจัด แต่ยังประหยัดไฟ
- แป้นพิมพ์เงียบ แต่พิมพ์แล้วแม่นยำ
- โปรแกรมควบคุม ฟีเจอร์เยอะ และควบคุมได้จริง
- รองรับความปลอดภัยทั้งสแกนหน้าและสแกนนิ้ว
- แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน
- ราคากับสิ่งที่จ่าย มันคุ้มและจบสำหรับคนส่วนใหญ่
ข้อสังเกต
- ช่องเสียบ USB-A น้อยไปหน่อย
- การวางตำแหน่งปุ่ม FN ชิดแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของ Ctrl เกินไป
- ถ้าจะจบ น่าจะมีโปรแกรมปรับแต่งระบบเสียงเวลาดูหนักให้สักหน่อย