หลังจากทีม Sanook Hitech ได้พรีวิวพาคุณไปดูรูปลักษณและฟีเจอร์ต่างๆ ของ HUAWEI Watch FIT 3 ใหม่ล่าสุดกันไปก่อนหน้านี้แล้ว รอบนี้เราจะพาคุณมาทดสอบการใช้งานของ Smart Watch ใหม่รุ่นนี้กันว่ามีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างและต่างจากพี่น้องร่วมบ้านของรุ่นนี้แค่ไหน รวมถึงราคาเช่นเดียวกัน

HUAWEI Watch FIT 3 สเปก

• ขนาด : 43.2 × 36.3 × 9.9 มิลลิมเตร
• น้ำหนัก : 26 กรัม
• หน้าจอ 82 นิ้ว (AMOLED) พื้นที่หน้าจอ 77.4% Screen to Body Ratio Refresh Rate 60 Hz ความหนาแน่น 347 PPI ความสว่าง 1,500 nits
• น้ำหนัก 26 กรัม
• บอดี้ : ทำจาก อลูมิเนียม อัลลอย
• ตัวเครื่องกันน้ำ 5ATM
• ระบบเสียง ซ มีลำโพงและไมโครโฟนไว้คุยสายได้
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 2.4GHz, Bluetooth 5.0 (LE), NFC มีเฉพาะปุ่มแดง บอดี้สีเทา
• สีสัน : 6 สี ดำ, ชมพู, เขียว, ขาว (สายแบบสังเคราะห์ Fluorelastomer Strap), เทา (สายไนลอน) และ ขาวสายหนัก
• แบตเตอรี่ : ไม่ได้ระบุขนาด แต่สามารถใช้งานได้สูงสุด 10 วัน
• ระบบชาร์จไฟ : ขั้วชาร์จเหล็ก

รูปลักษณ์ดีไซน์ของ HUAWEI Watch FIT 3

การออกแบบของ HUAWEI Watch FIT 3 อย่างที่บอกก่อนหน้านี้ว่ามันเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำให้คนที่เห็นแว็บแรกบอกว่า เหมือนกับ Smart Watch ค่ายดังค่ายหนึ่ง แต่ว่าตัวมันใหญ่กว่า ด้วยหน้าจอขนาด 1.82 นิ้วให้มุม 4 ทิศทำให้ดูลื่นไหลกำลังดี รองรับระบบ Touch Screen ได้แม่นยำ

ฝั่งซ้ายมาพร้อมกับลำโพงของตัวเครื่อง โดยตัวเรือนทุกสีเป็นวัสดุ อะลูมิเนียม แข็งแรงมากและสีสันดูแพงทุกสีทั้ง สีเงิน, ชมพู, เขียว และ ดำ

ฝั่งขวามี Huawei Digital Crown และ ปุ่มกดไว้สั่งงาน 

ด้านใต้มีระบบวัดชีพจร พร้อมกับขั้วเสียบชาร์จ ซึ่งต้องบอกว่ารุ่นนี้ไม่รองรับ Wireless Charge

สำหรับสายเป็นแบบ Link Design สายสามารถเปลี่ยนได้ง่ายเพียงแค่กด หรือ Press to Release เปลี่ยนได้เพียงกดและเปลี่ยนได้เลย ทาง HUAWEI มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า HUAWEI QuickLink Stap Connectorฃ

ภาพรวมการสวมใส่ / น้ำหนัก

การสวมใส่ของ Smart Watch รุ่นนี้ออกจะเบากว่า HUAWEI Watch GT 4 เล็กน้อย แต่ว่าในเรื่องการออกแบบของ Smart Watch ที่เป็นแบบเหลี่ยมช่วยให้ในเรื่องขนาดที่พอดีกับข้อมือและดูสวยเหมาะกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ส่วนหนึ่งคือน้ำหนักเครื่องที่เบากว่า

การทำงานทั่วไป

HUAWEI Watch FIT 3 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด Harmony OS 4.2 ที่มีการปรับแต่งเพิ่มเติมจาก HUAWEI Watch GT 4 เพียงแต่ว่าการออกแบบภาพรวมจะทำให้ต่างออกไปเนื่องจากหน้าจอเหลี่ยมนั่นเอง โดย Huawei เผยว่าจะมีความง่ายหลากหลายอย่างเช่น

• ง่ายต่อการแสดงผลนำทาง
• ง่ายต่อการสั่งงาน
• ง่ายต่อการดูโปรแกรมการออกกำลังกาย
• ง่ายต่อการดูข้อมูล เพราะ Font ใหญ่

นอกจากนี้ในการปรับแต่ง Watch Face มีให้เลือกมากมายกว่า 100 แบบ ดีไซน์ปรับแต่งได้เหมือนกับ Watch GT4 และ Watch 3 และมีบางแบบที่ปรับได้ตามใจคุณ บางแบบสามารถใช้ Rotating Crown หมุนเล่นได้ด้วย

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ตั้งแต่

• รองรับการควบคุมเพลง ทั้งในเครื่องหรือ Streaming และ ใส่เพลงได้แบบ MP3
• ตอนกลับ SMS หรือ Apps ภายนอก
• รองรับการโทรเข้า / โทรออก คุยผ่านาฬิกาได้
• รองรับการทำงานแบบ Always On Display

Application Huawei Health

การเชื่อมต่อในระหว่าง HUAWEI Watch FIT 3 กับ มือถือสามารถทำได้ทั้ง Android และ iOS ได้ทั้งหมด

 หลังจากติดตั้ง HUAWEI Health ให้กดเข้าไปที่หน้าอุปกรณ์ จากนั้นเลือกไปที่ Add หรือ Scan ก็ได้ แต่ระบบจะแสดงผลอัตโนมัติขึ้นมา จากนั้นให้กดยอมให้ Apps เข้าถึงเรื่องการแจ้งเตือนและภายในของมือถือเพื่อจดจำข้อมูลในกิจกรรมของคุณ

เมื่อเชื่อมต่อเสร็จแล้ว แนะนำให้อัปเดตจนจบทุกขั้นตอนหลังจากนั้น ก็สามารถใช้งานต่อได้ตามปกติ แต่อย่าลืมไปขอเรื่องสิทธิ์การใช้งานให้ครบเพื่อให้สามารถใช้งานต่อได้ครับ

สำหรับผู้ใช้ iOS: ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป Huawei Health จาก App Store หากคุณทำการติดตั้งแล้ว ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับการอัปเดตแล้ว

เปิดแอป Huawei Health ล็อกอินและทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อให้การอนุญาตที่จำเป็นแก่แอป ไปที่ขีด 3 ปุ่มด้านบนแล้วเลือกสแกน | แตะ จับคู่ และแอปจะค้นหาอุปกรณ์บลูทูธที่พร้อมใช้งานที่อยู่ใกล้เคียงโดยอัตโนมัติ เมื่อพบนาฬิกาของคุณ ให้แตะที่ชื่อของนาฬิกาเพื่อเริ่มการจับคู่

เมื่อคำขอจับคู่แสดงบนหน้าจอนาฬิกา ให้แตะเพื่อจับคู่นาฬิกาและโทรศัพท์ของคุณ ยืนยันการจับคู่บนโทรศัพท์ของคุณเช่นกัน

ฟีเจอร์การดูแลสุขภาพ

นอกจาก ความโดดเด่นของ HUAWEI Watch FIT 3 ที่มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องดูแลสุขภาพทั้งผู้หญิงและผู้ชายครบทั้งการออกกำลังกาย, ใช้ชีวิตประจำวัน และ การนอนหลับที่ดูข้อมูลได้แม่นยำมากขึ้น ประกอบด้วย

• การดูแลสุขภาพ
  • ให้คะแนนการนอนเป็นดาว
  • บอกระยะเวลาการนอน
  • ระดับการนอน
  • วิเคราะห์การนอนใน Huawei Health
  • บอกแบบการงีบหลับ (Naps)
  • บอกระดับทั้งความพร้อมการนอน
  • ระดับการเต้นของหัวใจ และ SpO2
• โปรแกรมออกกำลังกายมากกว่า 100 แบบ
• Stay FIT ปรับปรุงจาก Watch GT4 โดยรอบนี้สามารถคำนวณแคลอรี่ ตั้งแต่การกินอาหาร, การออกกำลังกาย และ Calries Intake ที่สามารถวิเคราะห์ว่าสิ่งที่คุณกินเข้าไปได้เช่นเดียวกัน
• เพิ่มฟีเจอร์ Food Library สามารถบอกอาหารได้มากกว่า 1 ล้านแบบ, มากกว่า 50 ประเทศ และทำให้ใส่ข้อมูลอาหารที่กินได้อย่างแม่นยำ เมนูนี้จะอยู่ใน Huawei Health ในหน้าแรก ในโหมด Diet Diary
• มีฟีเจอร์ Smart Sport Suggestions แนะนำรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณ ให้ได้ลองทำ เช่นการเปลี่ยนให้คุณ เล่น Yoga สัก 15 นาที
• Guided Fitness มีการแนะนำเกี่ยวกับท่าทางการวอร์มอัพ ด้วยท่าทางต่างๆ ให้พร้อมก่อนการออกกำลังกาย
• รองรับระบบจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ
• ติดตั้ง GPS ในตัว ทำงานกับโหมดออกกำลังกายกลางแจ้ง
• TruSleep 4.0 ที่สามารถวัดการนอนได้ตั้งแต่
• TruSeen 2.5 วัดความเครียด, การเต้นของหัวใจ, ระดับ SpO2 ระหว่างวัน
• วัดรอบเดือนของผู้หญิงได้ (Cycle Management)

แบตเตอรี่ / ระบบการชาร์จไฟ

จากที่ได้ทดลองใช้งาน HUAWEI Watch FIT 3 มาสัก 5 วันพบว่าทีมได้ชาร์จไฟเต็ม 100% และใช้งานไปเรื่อยๆ ทุกวันจนถึงวันสุดท้ายพบว่าแบตเตอรี่เหลือ 60 – 70% เท่านั้น!!

แต่ว่าระบบชาร์จไฟของรุ่นนี้กลับเหมือนกับ HUAWEI Band 9 นั่นคือใช้ระบบสายชาร์จปกติ

สรุปหลังสัมผัส HUAWEI Watch FIT 3 มาสักพักหนึ่ง

ยังมีความแตกต่างจาก HUAWEI Watch FIT 3 ที่ไม่เหมือนกับ HUAWEI Watch รุ่นอื่นๆ คือขนาดหน้าจอที่มาแบบขนาดใหญ่กว่า พร้อมกับฟีเจอร์การโทร, การฟังเพลง, รวมไปถึงการออกกำลังกาย ถ้าใครอยากได้ Smart Watch ที่มีความเหลี่ยม นี่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมาก

ราคาเปิดตัว HUAWEI Watch FIT 3

สำหรับราคาของ HUAWEI Watch FIT 3 มีราคาเริ่มต้น 3,990 บาท และไปจนถึง 4,990 บาท ถ้าใครต้องการ Smart Watch ที่ดูดีแบบนี้ราคานี้ผมว่าไม่แพงไป และพร้อมจำหน่ายในวันที่ 1 มิถุนายน ที่จะถึงนี้สามารถกดซื้อได้ที่นี่ 

จุดเด่น

• การออกแบบโดดเด่นและใช้งานง่าย
• มีฟีเจอร์ครบ
• มีลำโพงติดต่อสื่อสาร
• UI สวย ขนาดใหญ่และลื่นไหล
• ดูแลสุขภาพครบทั้งการวัดการนอน, ดูอุณหภูมิของร่างกาย และการออกกำลังกาย

ข้อสังเกต

• ยังไม่รองรับระบบชาร์จไฟไร้สาย
• สายแบบผ้าไม่เหมาะกับการออกกำลังกาย
• ราคาตัวท็อปดูสูงไปหน่อย