สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับ “ฟัน” จนต้องถอนฟันออก การใส่ฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุด “รากฟันเทียม” เป็น 1 ในตัวเลือกของการใส่ฟันปลอมที่หลาย ๆ คน นึกถึงเป็นอันดับแรก แต่ “รากฟันเทียม” จะมีข้อดี และข้อเสียอย่างไร และรากฟันเทียมนั้นจะเหมาะกับผู้ป่วยประเภทไหนบ้าง วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจนี้กัน
“รากฟันเทียม” ถือเป็น 1 ในฟันปลอมชนิดติดแน่น ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นการรักษาที่ใช้ทดแทนการสูญเสียฟันได้ดีที่สุด และใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติได้มากที่สุด เพราะมีความแข็งแรงทนทาน และไม่จำเป็นต้องสูญเสียเนื้อฟันซี่ข้าง ๆ ไปในการรักษา แต่ “รากฟันเทียม” ก็ยังมีข้อเสียและข้อจำกัดอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการรักษาที่นานกว่า เพราะต้องมีการฝังรากเทียมซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน รวมถึงราคาที่ยังค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับฟันปลอมชนิดอื่น และหากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้ก็จะทำให้ไม่สามารถใส่รากฟันเทียมได้
การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากหลังใส่รากฟันเทียมนั้น เหมือนกับการดูแลสุขภาพช่องปากโดยทั่วไป คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังแปรงฟัน เพราะถึงเป็นรากฟันเทียม แต่หากไม่รักษาสุขภาพช่องปากให้ดี จนมีคราบจุลินทรีย์เกาะรอบๆรากเทียม ก็จะทำให้เกิดการอักเสบของเหงือก และเกิดโรคปริทันต์รอบๆรากฟันเทียมได้ ที่สำคัญคือหากใส่รากฟันเทียมแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น เหงือกบวม เจ็บเหงือก รอบรากเทียม หรือครอบฟันขยับได้ ให้รีบมาพบทันตแพทย์ในทันที
ติดตามเรื่องราวและข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับรากฟันเทียมแบบเต็มๆ ได้ในรายการ Fact For Fun จริง สนุก กับสุขภาพช่องปาก ทุกวัน เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 8.20 น. ทาง PPTV HD ช่อง 36