เพื่อไทย โวย กกต. เลือกเขตเลือกตั้ง กทม. แบบที่ 1 ส่อผิดกม. หวั่นเลือกตั้งโมฆะ ถามกกต.รับผิดชอบไหวหรือ แนะใช้แบบแบ่งเขตแบบปี 54-57 เหมาะสุด
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.เขตลาดกระบัง พร้อมด้วยนายสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวคัดค้านแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของ กกต.กทม.
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวว่า ได้เห็นประกาศจากสำนักงาน กกต. ถึง กกต.กทม. ว่าจะเลือกใช้การแบ่งเขตการเลือกตั้งของ กกต.แบบที่ 1 ซึ่งเป็นแบบที่พรรคเพื่อไทยกังวลใจว่า ส่อขัดต่อกฎหมายเลือกตั้ง ที่ผ่านมามีความหวังว่า กกต.จะได้ยินเสียงการทักท้วงของพรรค แต่สุดท้ายมีประกาศออกมาเลือกแบบที่ 1 จึงจำเป็นต้องส่งเสียงอีกครั้ง เพราะถือว่าไม่เป็นธรรม เรียกว่า Gerrymandering ที่ผู้มีอำนาจจงใจเปลี่ยนแปลงเส้นเขตเลือกตั้ง เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ผู้ที่รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุดคือ ภาคประชาชน
เมื่อคืนวานนี้ ประชาชนร้องเรียนมาว่าได้รับผลกระทบจากการแบ่งเขต เพราะพวกเขา หมายมั่นปั้นมือว่าจะเลือก ส.ส.คนนี้ให้เป็นผู้แทน ให้มาทำงานต่อเพราะเคยร่วมงานใกล้ชิดกันมาก่อน ทั้งนี้ หาก กกต.ยืนยันจะใช้การแบ่งเขตแบบที่ 1 ซึ่งสุ่มเสี่ยงจะทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ท้ายที่สุดอาจทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะทั้งประเทศ กกต.ต้องกำหนดเขตเลือกตั้งและจำนวน ส.ส.แต่ละเขตเลือกตั้งกันใหม่ แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคง ความมีเสถียรภาพของประเทศชาติ ความขัดแย้งทางการเมือง และงบประมาณแผ่นดิน
น.ส.ธีรรัตน์ กล่าวต่อว่า หากการเลือกตั้งเป็นโมฆะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะรักษาการนายกฯ ต่อไปจนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จ ซึ่งนานเท่าใดไม่มีใครรู้ หมายความว่าผู้มีอำนาจนำประเทศและประชาชนเป็นตัวประกันให้กับความเสียหายนี้ใช่หรือไม่ หาก กกต.ไม่พิจารณาคำท้วงติงของพรรค หากเกิดอันตรายเสียหายขึ้น กกต.จะรับผิดชอบไหวหรือ ถ้าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ พรรคพร้อมสู้ทุกกติกาที่มีความยุติธรรมหรือที่ถูกกำหนดขึ้น พรรคจะเดินหน้าต่อเพื่อให้เกิดการเลือกตั้งให้ได้ ให้พี่น้องประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง นำประชาธิปไตยกลับมา และทำให้ประชาชนเห็นว่าพรรคการเมืองที่พวกเขาสนับสนุนได้ใช้พลังประชาชน ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจที่ไม่เป็นธรรมเหล่านั้น
ด้านนายสุรชาติ กล่าวว่า การแบ่งเขตแบบที่ 1-2 จะยึดหลักตามตัวเลขประชากรที่ให้สมดุลกัน ส่วนแบบที่ 3-4 จะยึดหลักเขตปกครอง เมื่อเราไปดูที่มาตรา 27 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กฎหมายกำหนดหลักเกณฑ์ให้รวมอำเภอต่างๆ เป็นเขตเลือกตั้ง และให้ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งตามสภาพของชุมชนที่ราษฎรมีการติดต่อกันเป็นประจำ ในลักษณะที่เป็นชุมชนเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เป็นเรื่องหลักในการแบ่งเขต ไม่ใช่แบ่งเขตเลือกตั้งตามแขวง
อย่างกรณีเขตเลือกตั้งที่ 9 ของเขตบางเขน 1 แขวงของเขตบางเขน จะไปรวมกับ 2 แขวงของเขตจตุจักร และจะมารวมกับอีก 1 แขวงของเขตหลักสี่ ถือเป็นการเอาเศษเสี้ยวของ 3 เขตการปกครองมารวมเป็นหนึ่งเขตการเลือกตั้ง หรือฝั่งธนบุรีเขตที่ 32 ของ 1 แขวงบางกอกน้อยมารวมกันกับเขตบางกอกใหญ่ และมารวมกับบางแขวงภาษีเจริญ บางแขวงของเขตตลิ่งชัน บางแขวงของเขตธนบุรี ถือเป็นการแบ่งเขตที่พิลึกพิลั่น
ถ้าเราไปดูตามมาตรา 27 เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายชัดเจน แม้วันนี้จะมีพรรคการเมืองไปยื่นร้องต่อศาลปกครอง แล้วทาง กกต.ยืนยันให้การเลือกตั้งในการแบ่งเขตแบบนี้ ถ้าหากศาลปกครองจะตัดสินมาภายหลัง ต้องมีผู้รับผิดชอบ
นายสุรชาติ กล่าวต่อว่า หลักการการยึดอำเภอเป็นเขตเลือกตั้ง เมื่อมีการเอาเศษเสี้ยวของแต่ละแขวง จะเห็นได้ว่ามีรูปร่างการแบ่งเขตที่บิดเบี้ยว ทั้งที่การแข่งเขตเลือกตั้งควรอำนวยความสะดวกให้ประชาชน และประชาชนไม่ได้ใกล้ชิดกัน พรรคเสนอไปแล้วว่าควรจะยึดเขตการเลือกตั้งตามแบบให้ใกล้เคียงกับปี 2554 และปี 2557 มากที่สุด