รัฐบาล ให้สิทธิ สำรวจ-ผลิต ปิโตรเลียม สำหรับแปลงทะเลอ่าวไทย คาดก่อให้เกิดการลงทุน ระยะเวลา 6 ปี สร้างเม็ดเงินไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท ได้รับผลประโยชน์พิเศษ 640 ล้านบาท
8 มี.ค. 66 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 มีมติอนุมัติ ให้บริษัท ปตท. สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/65 และ G3/65 และอนุมัติให้บริษัท เชฟรอน ออฟชอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตสำหรับแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/65
ทั้งนี้ อนุมัติให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีอำนาจลงนามกับผู้ได้รับสิทธิ พร้อมกำหนดการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการในสัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข G1/65 G2/65 และ G3/65 นี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ทั้งนี้ สิทธิในการสำรวจและการผลิตปิโตรเลียมของทั้งสามแปลง ในรูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิตมีกำหนดระยะเวลาสำรวจ 6 ปี
นายอนุชา กล่าวว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้พิจารณาคุณสมบัติผู้ขอสิทธิ ข้อเสนอทางเทคนิค และผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ และความเหมาะสมทางธรณีวิทยาแล้วว่า เป็นบริษัทและการมีทุน เครื่องจักร เครื่องมือ อุปกรณ์และผู้เชี่ยวชาญ เพียงพอที่จะสำรวจผลิต ขาย และจำหน่ายปิโตรเลียม ทั้งยังได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐไม่น้อยกว่าขั้นต่ำ และได้มีการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐนอกเหนือจากการชำระค่าภาคหลวงและภาษีเงินได้ปิโตรเลียมตามกฎหมายตลอดระยะเวลาที่ได้รับสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม
โดยคาดว่าจะก่อให้เกิดการลงทุนสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมภายในประเทศ ตลอดช่วงระยะเวลาสำรวจ 6 ปี เป็นเงินไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท และได้รับผลประโยชน์พิเศษในรูปแบบของค่าตอบแทนการลงนาม เงินอุดหนุนเพื่อการพัฒนาปิโตรเลียมในประเทศไทยและอื่นๆ เป็นเงินประมาณ 640 ล้านบาทด้วย