รัฐบาล โว “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ประสบความสำเร็จ ประชาชน ภาคเอกชน ให้การตอบรับต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
10 มี.ค. 66 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีต่อกระแสตอบรับจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5”
ซึ่งประสบความสำเร็จต่อเนื่อง โดยเชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมประชาชนให้ใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
นายอนุชา กล่าวว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า อัตราการเข้าพักในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 มีจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศ
ได้แก่ ภาคกลาง เพิ่มขึ้น 18.5% ภาคตะวันออก เพิ่มขึ้น 33.51% ภาคใต้ เพิ่มขึ้น 47.71% ภาคเหนือ เพิ่มขึ้น 21.53% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 18.75% สร้างรายได้กว่า 70,328.93 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปีนี้
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบและได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการแก้ไขในประเด็นที่มีข้อท้วงติงทั้งจากประชาชน ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ โดยเบื้องต้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิระหว่างวันที่ 10 มีนาคม – 30 เมษายน 2566 เป็นการจูงใจนักท่องเที่ยวกลุ่มกำลังซื้อสูง และมักเดินทางออกต่างประเทศในช่วง Hi-season ให้หันมาท่องเที่ยวภายในประเทศ
ซึ่งการพิจารณาต่ออายุมาตรการ จะประเมินจากสถานการณ์และความจำเป็นต่อไป ส่วนประเด็นราคาห้องพักแพง ททท. ได้แจ้งผู้ประกอบการให้แจ้งราคาห้องพักสูงสุดและต่ำสุดก่อนเข้าร่วมโครงการฯ
แต่เนื่องจากการดำเนินโครงการฯ อยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาห้องพักปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตามได้กำชับให้ผู้ประกอบการแจ้งราคาและเงื่อนไขราคาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจก่อนจองสิทธิ
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ชื่นชมผลตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนความสำเร็จในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อประชาชน โดยเชื่อมั่นว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นส่วนสำคัญในกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้แข็งแกร่ง ทั้งการสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ และสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศให้แก่ประชาชน
ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข ให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน