โฆษกรัฐบาล เผย เงินเฟ้อไทย อยู่อันดับ 20 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข อันดับ 2 ของอาเซียน ชี้อัตราต่ำเมื่อเทียบประเทศอื่น

เมื่อวันที่ 7 เม.ย.2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์เงินเฟ้อของไทยในเดือนก.พ. 2566 ว่า มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง และต่ำเป็นอันดับ 20 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน

โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 3.79 โดยชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 มีปัจจัยสำคัญจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นร้อยละ 5.03 ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ด้านสินค้ากลุ่มอาหารสดหลายชนิดเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.2566 มีราคาลดลง ทั้งข้าวสาร(ข้าวเจ้า) เนื้อสุกร ไก่สด ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด นอกจากนี้ สินค้าในกลุ่มเครื่องประกอบอาหารราคาก็ลดลง โดยเฉพาะน้ำมันพืช ทั้งน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลือง จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง

นายอนุชา กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยจะชะลอตัวลงต่อเนื่อง ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการที่คาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา และราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับฐานราคาในเดือนมี.ค. 2565 ค่อนข้างสูง รวมทั้งการส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มลดลงตามอุปสงค์โลก และการดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด จะส่งผลต่อการขยายตัวเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง

หากเทียบกับทั่วโลกพบว่า อัตราเงินเฟ้อประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 20 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่มีการประกาศตัวเลข โดยต่ำเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ 2.0 – 3.0 ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในปัจจุบัน

“รัฐบาลมุ่งหวังแก้ไขปัญหาราคาสินค้าอุปโภค บริโภค และพลังงาน ให้สมดุล เป็นไปตามสถานการณ์โลก เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และรักษาอัตราเงินเฟ้อของไทย ที่มีแนวโน้มชะลอตัวลดลง โดยจะกำหนดมาตรการการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง หากเทียบกับภาวะเงินเฟ้อกับประเทศต่างๆทั่วโลก ประเทศไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ และรัฐบาลจะยังคงติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดต่อไป” นายอนุชา กล่าว