รัฐบาลชี้แจ้งการบริหาร สถานการณ์โควิด เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าใจตรงกัน และ แสดงถึงการทำงานของรัฐบาลในสถานการณืการแพร้บาดครั้งนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อยู่ในช่วงของการระบาดเป็นวงกว้างกว้าง เหตุจากสถานบันเทิงต่างๆในหลายจังหวัด และ การร่วมตัวทำให้เกิดการแพร้เชื้อได้ง่าย อีกทั้งในระบาดนี้ เป็นเชื้อโควิดสายพันธุ๋อังกฤษ ที่แพร่ได้เร็สกว่าปกติ และไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ทางการและหน่วงงานที่เกี่บงข้องต่างเดินหน้าปฏบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อควบคุมสถานการณ์และบริหารจัดการผู้ติดเชื้อทุกคน
ล่าสุด รัฐบาลออกมาชี้แจ้งการบริหารจัดการกับสถานการณ์โควิด เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2564 โดยมีสาระสำคัญทั้งหมด 3 เรื่องสำคัญ เพื่อประกาศให้ประชาชนเข้าใจตรงกัน อีกทั้งชี้แจ้งสถานการณ์และการปฏิบัติงานของรัฐบาล
1. สธ. ยืนยันวัคซีนโควิดที่ไทยใช้ ทั้งแอสตราเซเนกา และซิโนแวค มีประสิทธิภาพสูง และความปลอดภัย ประชาชนสามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและเพิ่มภูมิคุ้มกันของตัวเองได้ มีการฉีดวัคซีนสะสมรวม 579,305 โดสหรือเข็ม มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 505,744 คน ในทุกจังหวัดตามเป้าหมาย และขณะนี้ยังมีการจัดหาวัคซีนซิโนแวคอีก 1 ล้านโดสซึ่งอยู่ในประเทศไทยแล้ว รอการตรวจทางห้องปฏิบัติการและเอกสาร
2. สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ขณะนี้ เชื่อมโยงกับสถานบันเทิงและนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่เพื่อนฝูงและชุมชน จึงจำเป็นต้องลดการเคลื่อนที่ของบุคคล ปิดสถานที่เสี่ยง งดกิจกรรมการรวมกลุ่ม เน้นปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล เพิ่มมาตรการทำงานที่บ้าน Work From Home สามารถลดผู้ป่วยติดเชื้อจะลดลงมาประมาณ 391 คนต่อวันทั้งนี้ สำหรับการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดเพื่อกลับมาทำงาน ดังนี้1) ขอให้เดินทางโดยรถยนต์ หากต้องเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ ให้ใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่าง งดเว้นการรับประทานอาหาร2) หากสามารถ work from home ที่จังหวัดนั้นๆ ได้ จะช่วยลดการแพร่เชื้อจากการเดินทางข้ามจังหวัด 3)หากจำเป็นต้องกลับมา ให้ work from home และกักตนเอง 14 วัน หากพบอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งจนท. โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือหมายเลข 1422
3. ภาครัฐมีการบริหารจัดการเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีการจัดเตียงรองรับทั้งจากสถานพยายาลและโรงแรมแบบ Hospitel รวมกว่า 6 พันเตียง รวมทั้ง โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหมมีการเตรียมโรงพยาบาลภาคสนาม และกรมการแพทย์เตรียมเปิด Hospitel ซึ่งจะรองรับได้อีก 450 เตียง และโรงพยาบาลรามาธิบดีเตรียมเปิด Hospitels อีก 2 แห่ง อีก 100 เตียง สำหรับกรุงเทพมหานคร ได้มีการเพิ่มโรงพยาบาลสนาม ที่บางขุนเทียน 500 เตียง ที่บางบอน 200 เตียง และเตรียมเปิดที่บางกอกอารีนา จะรับได้อีก 1000 เตียง รัฐบาลให้การรับรองโรงพยาบาลสนามที่มีอยู่ขณะนี้มีความปลอดภัย มีจำนวนแพทย์และพยาบาลตามมาตรฐานที่วางไว้ สำหรับ Hospitel ซึ่งเป็นการจัดบริการในโรงแรม กรมสนับสนุนบริการทางการแพทย์จะเข้าไปรับรองมาตรฐาน เช่นเดียวกับสถานกักกันของรัฐ (SQ/ ASQ) ซึ่งมีการตรวจ ประเมิน และติดตามสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ นโยบายหลักของไทย ผู้ติดเชื้อทุกคนในประเทศจะต้องได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเท่านั้น ยกเว้นช่วงการรอเตียง ซึ่งผู้ป่วยอยู่ที่บ้าน แล้วจะมีกลไกรองรับในการประสานเพื่อไปรับตัวผู้ป่วยในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งนี้ สามารถติดต่อไปที่สายด่วนจัดหาเตียง เบอร์ 1669 สำหรับต่จังหวัดต่างๆ จะเข้าศูนย์การบริหารจัดการ สายด่วนกรมการแพทย์ 1668 รับสายเวลา 8.00 – 22.00 น. และสายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชม. หรือผ่าน line แอพลิเคชั่น สบายดีบอต
สามารถอัปเดทข่าวสารต่าง และ สถานการณ์โควิด-19 ได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV