นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวเมื่อวันอังคาร (14 ก.ย.) ถึงเหตุการณ์การจับกุมผู้สื่อข่าว 2 ราย ของสำนักข่าวราษฎรและเพจปล่อยเพื่อนเรา ที่รายงานการชุมนุม เมื่อคืนวันจันทร์ (13 ก.ย.) ว่ามีขึ้นเพื่อปิดหูปิดตาประชาชน และไม่ต้องการถูกเปิดโปงความอำมหิตของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำกับผู้ชุมนุม
การจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมกับผู้ชุมนุมคนอื่น และผู้สื่อข่าวอิสระ 2 รายนี้ถูกตั้งข้อหาร่วมกันชุมนุมและฝ่าฝืนเคอร์ฟิว
นายรังสิมันต์กล่าวว่า นักข่าวพลเมือง อย่างเช่น 2 รายที่ถูกจับนี้ เป็นกำลังหลักในการรายงานสถานการณ์ที่เกิขดึ้นจริงกันแบบสุดๆ ทำให้ด้านมืดที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ไม่อยากให้เ็นถูกนำขึ้นมาเปิดเผยในที่สว่าง อย่างเช่น ภาพตำรวจใช้กระบองฟาดศีรษะผู้ชุมนุมถูกที่ควบคุมตัวซ้ำๆ ภาพตำรวจยิงกระสุนยางใส่จักรยานยนต์ที่ขับผ่านไปมาในระยะประชิด และภาพบ้านเรือนที่เสียหายจากการสลายการชุนนุมของตำรวจ
ตลอดการชุมนุมที่ย่านดินแดงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนกระแสหลักมีบทบาทในการถ่ายทอดเหตุการณ์น้อยมาก และส่วนใหญ่มักรายงานจากแนวหลังของตำรวจเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บหรือการถูกเข้าใจผิดว่าขัดขวางการสลายการชุมนุม ทำให้สังคมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นมากกว่าที่เห็นในเลนส์กล้องเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐกระทำการต่างๆ
ส.ส. รายนี้ มองว่า สื่อมวลชนกระแสหลัก ถูกจำกัดจากรัฐอยู่แล้ว เพราะต้องมีบัตรสื่อ ที่ออกโดยกรมประชาสัมพันธ์เสียก่อน แต่ถ้าไม่มีบัตรสื่อ ก็จะถูกมองว่าเป็นสื่อมวลชนปลอมหรือกลุ่มคนอื่นที่แฝงตัวเข้ามา ความคิดแบบนี้ถูกถ่ายทอดออกมาในคำให้สัมภาษณ์ของรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย จึงทำให้ผู้สื่อข่าวพลเมืองและผู้สื่อข่าวอิสระไม่ใช่แค่ไม่ได้รับรับการคุ้มครองจากรัฐแต่ยังกลายเป็นผู้ที่ถูกรัฐกระทำอีกด้วย
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่นักข่าวพลเมืองถ่ายทอดออกมาให้สังคมได้รับรู้ ช่วยให้เราได้เห็นว่าประเทศนี้ รัฐบาลนี้ล้มเหลวในการคลี่คลายสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไร ความกล้าหาญของพวกเขาช่วยเป็นหูเป็นตาให้ประชาชนภายนอกที่ชุมนุมได้เห็นสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องเห็น นั่นคือความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อประชาชนภายใต้รัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และระบอบปรสิต
สาเหตุเหล่านี้ ทำให้นายรังสิมันต์เชื่อว่า การหาเรื่องจับนักข่าวเหล่านี้จึงไม่อาจหาเหตุผลอื่นใดได้เลย นอกจากเพราะฝ่ายรัฐต้องการปิดหูปิดตาประชาชนไม่ให้เห็นความอำมหิตป่าเถื่อนที่ฝ่ายตนได้กระทำต่อประชาชน จึงต้องทำลายผู้ที่จะมาเปิดโปงการกระทำเหล่านั้น ซึ่งนั่นหมายความว่ารัฐบาลนี้ยังคงยืนยันที่จะใช้ความรุนแรงในการกดหัวผู้เห็นต่างไม่ให้เงยหน้าขึ้นมาท้าทายต่อไป
ส.ส. พรรคก้าวไกลรายนี้ กล่าวอีกว่า เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลจะมีสติสำนึกได้เสียที ว่าทุกวันนี้มีผู้คนต่อต้านพวกท่านกันมากมายไปหมดแบบไม่ต้องมีใครชักนำ ถึงขนาดนี้แล้ว จะยอมรับผิดแล้วออกไปแต่โดยดี หรือจะยังดื้อด้าน ยึดติดอยู่แต่กับการกดหัวและปิดหูปิดตา ราดน้ำมันลงบนกองไฟต่อไปอีก รังสิมันต์ระบุ