‘รังสิมันต์ โรม’ อัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซ่อนงบตบตาสภา ถลุงภาษีเช่ารถหรูกว่า 350 คัน ชี้รวมเป็นงบผูกพันหลายปีมากถึง 1,700 ล้านบาท
เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 20 ส.ค. 2565 ที่รัฐสภา เข้าสู่การพิจารณามาตรา 27 งบประมาณรายจ่ายของส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง และหน่วยงานภายใต้การควบคุมดูแลของนายกรัฐมนตรี จำนวน 35,665,576,400 บาท
น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีรถควบคุมฝูงชน จำนวนสูงถึง 2,929 คัน รวมเป็นเงินกว่า 986,166,800 บาท รถเหล่านี้ไม่ได้เพื่อบริการประชาชน แต่กลับนำไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน และการจับจุมผู้ชุมนุมยังเต็มไปด้วยความรุนแรง ตนจึงขอปรับลด 10%
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า การตั้งงบของ ตร. มีอีกหลายโครงการที่เราสามารถปรับลดลงมาได้มากกว่านี้ เท่าที่พิจารณาการทำงานของ ตร. พบปัญหามากมาย ทั้งการเลื่อนย้ายตำแหน่งที่เต็มไปด้วยตั๋ว ปัญหาในการปกป้องคนทำงาน ปัญหาการดำเนินคดีผู้เห็นต่าง และการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การให้เงินจำนวนมากกับ ตร. ไม่ได้นำพาให้เกิดความเแปลี่ยนแปลง หรือจะสร้างประโยชน์ให้ประเทศชาติ นอกจากจากนี้ยังมีงานซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น โดยอีกหลายโครงการยังขาดความสมเหตุสมผล เช่น โครงการเช่ารถหรูตรวจการณ์ถวายความปลอดภัยฯ และบางส่วนเป็นการเขียนงบไปอยู่ในโครงการอื่นที่ฟังดูเป็นของประชาชน เป็นการซ่อนงบตบตาสภาใช่หรือไม่
“เมื่อรวมเบ็ดเสร็จเท่ากับว่าเราเสียเงินภาษีของประชาชนเพื่อเช่ารถหรูที่เกี่ยวกับเรื่องนี้กว่า 350 คัน หากรวมเป็นงบผูกพันหลายปีจะใช้เงินภาษีมากถึง 1,700 ล้านบาท โดยเราไม่มีความจำเป็นที่จะใช้งบซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งที่ประชาชนจะไม่มีกินอยู่แล้ว” นายรังสิมันต์ กล่าว
ขณะที่ นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ อภิปรายว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการจัดงบของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่มีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผน เพราะหลังคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) มีอำนาจ ได้ออกคำสั่งคสช. ทำให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาครอบงำการทำงานของ ศอ.บต. ซึ่งมีความเข้าใจในบริบทของพื้นที่ดีกว่า ทำให้ไม่ได้ทำหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 27 ด้วยคะแนน 219 ต่อ 61 เสียง งดออกเสียง 1 และไม่ลงคะแนน 2 เสียง