นายเอ็ดเวิร์ด กิตติ เป็นประธานมูลนิธิช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ได้พา 3 ท่านทูต และ ภรรยาทูตเคนย่า เข้าพบผู้ว่ากทท.และ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีหัวข้อการประชุมหลัก คือต้องการพัฒนากีฬารักบี้ไทย และ ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางรักบี้อาเซียน พร้อมเสนอไอเดียจัดศึกรักบี้ 7 คน ใช้ชื่อ “แอมบาสซาเดอร์คัพ “ และยังมีถ้วย “เนลสัน เมลเดล่า” ให้แก่ทีมที่มีสปอร์ตแมนชิพสูงที่สุด เนื่องจากจะเน้นในเรื่องของความสามัคคี โชว์ให้เห็นกีฬารักบี้มีความ รู้แพ้ รู้ชนะ และ รู้อภัย
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ นายกสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมประชุมหารือกับ นายรินเซ เค คิท เน็ต เอกอัครราชทูตเคนย่า, นายโจนาธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ และ นายเลโบฮัง เซก้า เลขานุการเอกอัครราชทูตแอฟริกาใต้ ฝ่ายการเมือง และ นางพาเมล่า เจบิชิว คิทเน็ต ภรรยาท่านทูตเคนย่า อดีตนักรักบี้เคนย่า และผู้ฝึกรักบี้เคนย่า รวมถึง สหพล พลปัถพี รองประธานฝ่ายผู้ตัดสินสหพันธ์รักบี้แห่งเอเชีย ร่วมประชุม
โดยสาระสำคัญอยู่ที่การประชุมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดในการพัฒนากีฬารักบี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะยกให้ไทยเป็นศูนย์กลางของโซนนี้ และยังมีท่านทูตอีก 7 ประเทศให้ความร่วมมือ รวมเป็น 10 ประเทศคือ เคนย่า, นิวซีแลนด์, แอฟริกาใต้, ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, ออสเตรเลีย, อิตาลี, ฟิจิ, ซามัวร์ และ ตองก้า ร่วมสนับสนุน ทั้งนี้เพราะนโยบายทางการเมืองระหว่างประเทศ ของ 10 ประเทศนี้ เลือกที่จะใช้กีฬารักบี้เป็นสื่อในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย
พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ได้เผยว่า ถือเป็นข่าวดีของวงการกีฬาไทย โดยเฉพาะกีฬารักบี้ที่ 10 ประเทศชั้นนำของโลกที่ถือว่าเป็นชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกของกีฬารักบี้ ได้ร่วมมือกับ ไทย ในการที่จะพัฒนานักกีฬารักบี้ไทย ซึ่งการพูดคุยนั้น ดร.ก้องศักด ผู้ว่า กกท. ก็มีความยินดีและสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว และพร้อมสนับสนุนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
ประมุขรักบี้ไทยยังเผยต่อว่า การเข้ามาของ 10 ชาตินั้น ต้องการที่จะมาเพื่อช่วยพัฒนาวงการรักบี้ไทยเป็นหลัก ด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆของแต่ละประเทศ รวมทั้งมีการส่งนักกีฬามาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เช่นส่งนักกีฬาไทยไปซ้อมต่างประเทศ และ ส่งนักรักบี้ระดับโลกมาเปิดคลินิกสอนรักบี้ให้แก่เยาวชนไทยทั่วประเทศ
แล้วยังได้มีการพูดคุยหารือว่าจะมีการจัดการแข่งขันรักบี้ 7 คน โดยใช้ชื่อรายการว่า “แอมบาสซาเดอร์คัพ” ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะจัดแข่งในลักษณะไหน จะเป็นการแข่งขันภายในประเทศอย่างเดียว หรือ จะเชิญทีมจากต่างประเทศเข้าร่วมแข่งขันด้วย นอกจากนี้ยังมีถ้วยรางวัล “เนลสัน แมนเดล่า” ที่จะมอบให้กับทีมที่มีสปอร์ตแมนชิพดีที่สุดของการแข่งขัน
ทั้งนี้นายกสมาคมรักบี้ไทยยังได้เล่าถึงการพัฒนานักกีฬารักบี้ไทย และเล่าถึงผลงานทีมชาติไทยประเภททีมหญิง ที่สามารถคว้าแชมป์ซีเกมส์ 5 สมัย และยังมีแรงกิ้งท็อป 5 เอเชีย สร้างความประหลาดใจให้แก่ท่านทูตที่เข้ามาประชุม โดยนางพาเมล่า ภรรยาท่านทูตเคนย่าถึงกับเอ่ยปากว่าอยากนัดพบนักกีฬาหญิงทีมชาติไทย และอยากร่วมชมการฝึกซ้อมของทีมหญิง
พ.ต.ท.กุลธน ยังได้กล่าวทิ้งท้ายว่า นอกได้พัฒนากีฬารักบี้แล้ว ก็ยังรู้สึกดีใจที่กีฬารักบี้ จะเป็นการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของทั้ง 10 ประเทศรวมไทยเป็น 11 ประเทศ โดย ผู้ว่า กกท.ได้มอบหมายให้ตน จัดการนัดประชุมครั้งต่อไป เพื่อติดตามความคืบหน้า
“ผมเน้นย้ำอยู่เสมอว่าวงการรักบี้ไทยจะต้องพัฒนาขึ้นให้อยู่ในสายตาของเวิลด์รักบี้ แล้ววันนี้ถือว่าเป็นข่าวดีของพี่น้องวงการรักบี้ไทยที่มี 10 ประเทศที่เป็นระดับเวิลด์รักบี้ลงมาพัฒนากีฬารักบี้ด้วยตัวเอง และยังจะจัดแมตช์การแข่งขันที่ถือว่าเป็นความร่วมมือของทั้ง 10 ชาติและ ไทย ครั้งแรกในเอเชีย พร้อมทั้งมีถ้วยรางวัลเนลสัน แมนเดล่า ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลแห่งสันติภาพโดยใช้กีฬารักบี้เป็นสื่อ และผมก็เชื่อว่ากีฬารักบี้จะสามารถสร้างสันติภาพให้กับคนในประเทศให้มีความรักความสามัคคีได้เช่นกัน” พ.ต.ท.กุลธน กล่าว
แล้วในวันเดียวกัน พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ ยังได้มอบหนังสือของสหพันธ์รักบี้แห่งเอเชีย ถึง การกีฬาแห่งประเทศไทย ในเรื่องการผลักดันให้มีการแข่งขันรักบี้ในศึกซีเกมส์ 2023 ที่กัมพูชา โดยทางเอเชียรักบี้ กับ สมาคมกีฬารักบี้ไทย พร้อมจะให้การช่วยเหลือกัมพูชาอย่างเต็มที่หากบรรจุกีฬารักบี้ในซีเกมส์