คลิปกล้องหน้ารถจากพลเมืองดีสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ เมื่อวันที่ 28 เมษายน เวลา 16.00 น. เป็นภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุ ที่ถนนเลียบคันคลองชลประทาน หมู่ 4 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เด็กชายเป็นคนขี่และเด็กหญิงซ้อนท้าย ขี่จักรยานออกมาจากซอย เมื่อมาถึงบริเวณแยกคันคลองชลประทาน ได้เลี้ยวซ้าย จังหวะนั้นมีรถยนต์บรรทุกขับขี่มาด้วยความเร็ว พุ่งชนรถจักรยานของ 2 พี่น้องจนร่างกระเด็น เด็กชายบาดเจ็บสาหัส ส่วนเด็กหญิงอีกคนลุกขึ้นเดินได้
ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุตามภาพของกล้องหน้ารถ พบว่าบนถนนยังมีร่องรอยของการเฉี่ยวชนรอยครูดบนถนน ทั้งนี้จากการสอบถาม นางวรรณา (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี คนเห็นเหตุการณ์ เล่าว่าขณะนั้นตนเองได้จอดรถจักรยานยนต์อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นได้ยินเสียงดังตูมคิดว่ารถยางระเบิดจึงรีบวิ่งมาดู ก็เห็นน้องไตเติ้ล อายุ 7 ปี นอนหมดสติ
ข้างกันพบเด็กผู้หญิงซึ่งเป็นคนน้อง นั่งอยู่ในอาการตกใจ จึงรีบเข้าไปช่วยเหลือน้องไตเติ้ลที่หมดสติเข้าไปปั๊มหัวใจ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาช่วยแหลือนำส่งโรงพยาบาลทั้ง 2 คนพี่น้อง ส่วนรถยนต์บรรทุกขับไปจอดห่างจากที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไว้ได้
ด้าน นาวสางพัชรี อายุ 39 ปี แม่ของเด็กเล่าว่าขณะเกิดเหตุ ตนเองไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่มีญาติที่อยู่ในเหตุการณ์มาตามว่า เด็กถูกรถชนตนเองก็ตกใจมาก ว่าจะเป็นลูกของตนเองหรือเปล่า เพราะลูกสาวออกไปได้ไม่นาน คิดว่าจะไปซื้อของกินใกล้ ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องปั่นไปที่ร้านสะดวกซื้อ จนไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่าลูกของตนเอง ถูกรถชนบาดเจ็บอาการสาหัส โชคดีที่มีพลเมืองดีช่วยปั๊มหัวใจจนลูกชายรู้สึกตัว ส่วนลูกสาววัย 6 ขวบ ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลถลอกตามลำตัวและแขน
ทางด้าน ลูกชายอายุ 7 ขวบ อาการน่าเป็นห่วงมี เลือดคั่งในสมอง ปอดฉีกสองข้าง แต่ในขณะนั้นลุกชายก็ยังพูด ถามตนเองว่า น้องอยู่ไหนน้องเจ็บหรือเปล่าทำให้ตนเองรู้สึกจุกที่อก ที่ลูกโทษตัวเองว่าพาน้องไปถูกรถชน ซึ่งแพทย์ โรงพยาบาลวังน้อย ได้ส่งลูกชายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เพื่อรอดูอาการเลือดคั่งในสมองว่ายังมีเลือดไหลซึมออกมาหรือเปล่า ตนเองรู้สึกเป็นห่วงลูกมาก ซึ่งหลังจากเกิดเหตุคู่กรณีก็ไม่เคยโทรถามไถ่ หรือมาเยี่ยมลูกชายเลย ซึ่งตนเองมีความกังวลกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม พ.ต.อ สมเจตน์ แม้นบุตร ผกก.สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา พนักงานสอบสวนได้ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุและทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ของคนรถยนต์บรรทุก6 ล้อ พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ 142 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น จึงควบคุมตัวดำเนินคดี โดยได้นำภาพจากกล้องหน้ารถของพลเมืองดีมาเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีด้วย