วันนี้ (4 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สำนักงานจเรตำรวจ ถนนรามอินทรา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เข้าพบคณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ หรือ ก.ร.ตร. เพื่อติดตามคดีที่ได้ร้องสอบวินัย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ยื่นเรื่องไว้ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ที่ผ่านมา
ซึ่งทาง พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานคณะกรรมการ ก.ร.ตร. และ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ
ด้าน พล.ต.ท.สรศักดิ์ บอกว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำผิดทางวินัยของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ มีความคืบหน้าพอสมควรแล้ว โดยขณะนี้พยายามเร่งรัดการทำงานให้เห็นผลโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า หากดูจากไทม์ไลน์อาจ การตรวจสอบดังกล่าวไม่สามารถแล้วเสร็จก่อนที่ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์จะเกษียณราชการ วันที่ 30 กันยายนนี้ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่ยังต้องตรวจสอบ แต่จะให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยส่วนตัวเชื่อว่าภายในเดือนนี้จะได้เห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมแน่นอน เนื่องจากตลอดระยะเวลา5เดือน นับตั้งแต่การยื่นเรื่องร้องเรียนทางคณะกรรมการได้สอบพยานและตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารไปบ้างแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ท.เรวัช บอกว่า กรรมการทำงานแบบใจร้อนอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าสื่อมวลชนและประชาชนให้ความสนใจในเรื่องนี้ ส่วนที่เห็นว่าการตรวจสอบล่าช้าเป็นเพราะเรื่องเอกสารที่ต้องร้องขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ รวมถึงกระบวนการทำงานที่การตรวจสอบจะต้องมีผู้ช่วยไต่สวนในส่วนนี้ก็มีการทำหนังสือถึงสำนักงานให้ส่งตัวเจ้าหน้าที่มาช่วย ยืนยันว่าตามกระบวนการตรวจสอบไม่ได้มีปัญหาหรือมีผู้มีอิทธิพลบีบบังคับแต่อย่างใด พร้อมย้ำว่าภายในเดือนกันยายนนี้มีความคืบหน้าแน่นอน
ด้าน ทนายตั้ม บอกว่า ก่อนหน้านี้มีความกังวลว่าเรื่องร้องเรียนจะไม่มีความคืบหน้าเพราะตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงขณะนี้ทางคณะกรรมการยังไม่ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาชี้แจงหรือให้ข้อมูลอะไรเลย จึงมองว่าการทำงานของคณะกรรมการค่อนข้างล่าช้า เพราะที่ผ่านมาได้นำพยานบุคคลรวมถึงเอกสารต่างๆมามอบให้ทั้งหมดแล้ว ซึ่งหากทำงานจริงก็น่าจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ แต่เมื่อมาติดตามความคืบหน้าคดีในวันนี้ก็ทำให้รู้ว่าการทำงานมีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งเรื่องของเอกสาร และตัวของผู้ถูกร้องเรียนเองที่เป็นถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการชุดนี้ จึงต้อง ใช้เวลาในการตรวจสอบเพื่อให้การทำงานรอบคอบ โดยเบื้องต้นทราบว่า เอกสารสำคัญมาถึงมือคณะกรรมการครบแล้วเหลือเพียงพิจารณาเอกสารที่ได้มา
- ช็อก! เพื่อนบ่นไม่ได้อาบน้ำ 3 วัน กระโดดลคลอง ถูกน้ำวนดูดก่อนจมดับ
- ชาวบ้านผวา! ชายคลั่งวัย 35 อาละวาดด่ากราด ก่อนคว้ามีดไล่จี้ไรเดอร์
- เปิดสาเหตุ! ศาลยกฟ้อง คดีเดวิด ‘ฝรั่งเตะหมอ’ เพราะด้วยเหตุผลนี้
ทนายตั้ม บอกว่า หลังเข้าพบคณะกรรมการก็ทราบข้อมูลว่า พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจ ก็ทำงานอย่างเต็มที่ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใคร แม้ว่าจะมีตำแหน่งเทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ตาม
ส่วนคดีอาญาในเรื่องการกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ที่ตัวเองเคยส่งให้กับตำรวจก่อนหน้านี้ส่วนตัวไม่ได้คาดหวังการทำงานของตำรวจอยู่แล้ว โดยเฉพาะ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางที่เคยบอกว่าจะตรวจสอบคดี ใหญ่แค่ไหนก็จับแต่ท้ายที่สุดก็ ไม่มีความคืบหน้าและส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช. ดำเนินการแทน
ส่วนประเด็นที่ลูกน้องของ พล.ต.อ. สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร. ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนรวม 8 นาย โดยมี พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ เป็นผู้เซ็นคำสั่งฉบับดังกล่าว ทนายตั้มย้อนถามว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ไม่เขินบ้างหรอ ที่เป็นผู้เซ็นคำสั่ง เพราะรายละเอียดคำสั่ง ระบุว่า “เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับกฎหมายแต่กลับกระทำความผิดเอง”
อีกทั้งยังมองว่าคดีที่ตำรวจกระทำความผิดก่อนหน้านี้ยกตัวอย่างคดีเป้รักผู้การผู้ก่อเหตุ ก็ถูกแจ้งข้อหาและมีผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นถึงระดับนายพลแต่ยังไม่เคยถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อนไม่เหมือนคดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ที่ถูกเล่นงานทั้งหมด