“รองโฆษกรัฐบาล” ซัด ผู้ไม่หวังดี ให้ข้อมูลมั่ว ยัน ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น ไม่ได้กู้จนหนี้ท่วม

Home » “รองโฆษกรัฐบาล” ซัด ผู้ไม่หวังดี ให้ข้อมูลมั่ว ยัน ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น ไม่ได้กู้จนหนี้ท่วม


“รองโฆษกรัฐบาล” ซัด ผู้ไม่หวังดี ให้ข้อมูลมั่ว ยัน ตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้น ไม่ได้กู้จนหนี้ท่วม

“รองโฆษกรัฐบาล” ออกโรงแจง ซัด ผู้ไม่หวังดี ให้ข้อมูลมั่ว ยัน ตัวเลขเศรษฐกิจไทยดีขึ้น ไม่ได้กู้เงินจนหนี้ท่วม ด้าน JCR ปรับจาก A- เป็น A

วันที่ 23 พ.ย.65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีมีการบิดเบือนตัวเลขเศรษฐกิจไทย ว่า ขอตำหนิกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่บิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายความมั่นใจต่อเศรษฐกิจประเทศ โดยมีการส่งต่อข้อความมูลเท็จว่า รัฐบาลกู้เงินจนหนี้ท่วม คลังไม่สามารถจัดการหนี้ได้ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง จากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 2565 รัฐบาลกู้จริง 6.52 แสนล้านบาท จากที่ประมาณการไว้ 7 แสนล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมของการกู้เงินในช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นไปเพื่อแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือและเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย (จีดีพี)ปี 2563 หดตัวลดลงเพียงร้อยละ 5.1 ดีกว่าที่ IMF คาดการณ์ว่าจะหดตัวที่ร้อยละ 8

นอกจากนี้ ระดับหนี้สาธารณะคงค้าง สิ้นเดือนก.ย. ที่ผ่านมา อยู่ที่ 10.37 ล้านบาท หรือร้อยละ 60.41 ต่อ จีดีพีต่ำกว่าที่กำหนดเพดานไว้ ร้อยละ70 ซึ่งกระทรวงการคลัง ให้ความมั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดปัญหาการคลัง เนื่องจากรัฐบาลมีความสามารถในการชำระหนี้ (Debt affordability) รวมทั้งยังมีการติดตามสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีอย่างใกล้ชิด

น.ส.รัชดา กล่าวว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำระดับสากล ต่างมั่นใจในภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยออกรายงานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ Stable Outlook ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจค่อนข้างมากภายใต้สถานการณ์วิกฤตโควิด -19 อาทิ

1.Moody’s เชื่อว่า แม้หนี้รัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นแต่ตัวชี้วัดภาคการคลังและหนี้สาธารณะยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน และมีแนวโน้มที่จะรักษาระดับความแข็งแกร่งดังกล่าวได้ต่อไป

2. Fitch Ratings รายงานว่า รัฐบาลได้บรรเทาความเสี่ยงของหนี้ภาครัฐบาลด้วยการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบ มีตลาดทุนในประเทศที่มั่นคง และหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาท

และล่าสุด 3. Japan Credit Rating Agency (11 พ.ย. 65) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจากระดับ A- เป็น A และคงมุมมองความน่าเชื่อถือในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)

“ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลด้วยความระมัดระวัง เพราะมีผู้ที่มีพฤติกรรมชอบบินเบือนข้อมูลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศการมีมุมมองและการวิเคราะห์ที่แตกต่างเป็นเรืองปกติ แต่ต้องมาจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องด้วย ประเด็นสถานะทางการคลัง ประชาชนสามารถติดตามตัวเลขที่ถูกต้องจากการเผยแพร่จากส่วนราชการ และยังมีการรายงานภาพรวมเศรษฐกิจประเทศจากสถาบันชั้นนำของต่างประเทศ ซึ่งจะได้ทราบข้อเท็จจริงจากการประเมินของหลายมุมมอง และปัจจุบันนี้มีข้อสรุปว่า สถานะการเงินการคลังไทยมีความแข็งแกร่ง และภาพรวมเศรษฐกิจที่ดี อัตรการว่างงานต่ำมากด้วย” น.ส.รัชดากล่าว

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ