“สัณหพจน์” ยัน “ความคิดเห็นส่วนตัว” กรณีชงนายกฯ ปรับ ครม. ขออภัยทำให้เข้าใจผิด พร้อมรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองโฆษก และเลขาธิการภาค 8 พรรคพลังประชารัฐ
วันนี้ (9 ส.ค.) นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากกรณีที่ตนแสดงความคิดเห็นเป็นข้อเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องการปรับสลับตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ในฐานะของผู้แทนประชาชน และชัดเจนว่าไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นในนามของพรรคพลังประชารัฐ หรือมีกลุ่มบุคคล หรือบุคคลใดอยู่เบื้องหลังแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตนทราบดีว่า การปรับคณะรัฐมนตรี หรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีใน ครม.นั้น เป็นอำนาจโดยตรงของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะพิจารณาว่าผู้ใดเป็นผู้เหมาะสมหรือไม่ ซึ่งตนให้ความเคารพต่ออำนาจการพิจารณาดังกล่าว
ขณะที่เนื่องจากตนเป็น ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ การนำเสนอความคิดเห็นส่วนตัวดังกล่าว อาจทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในทางการเมืองไม่ว่าจะเป็นทั้งในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคการเมืองอื่นๆ เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ตนต้องกราบขออภัยอย่างสูง มา ณ ที่นี้ด้วย
“การออกมาแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของตนในครั้งนี้นั้น ก็เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนคนไทย ในวันนี้ที่พี่น้องประชาชนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และต้องประสบกับปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลกระทบมาจากการแพร่ระบาดนั้น ตนในฐานะที่เป็นผู้แทนของพี่น้องประชาชน และยึดหลักการมาโดยตลอดว่า เมื่อครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้รับโอกาสนี้แล้ว จะต้องทำหน้าที่เพื่อตอบแทนความไว้วางใจของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด ในการที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช” นายสัณหพจน์ กล่าว
ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบในกรณีนี้ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และกระทบกระเทือนถึงพรรคพลังประชารัฐ ตนจึงขอลาออกจากตำแหน่ง “รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ” และตำแหน่ง “เลขาธิการภาค 8 พรรคพลังประชารัฐ”
อย่างไรก็ตาม การออกมาแสดงความรับผิดชอบดังกล่าวของนายสัณหพจน์นั้น เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช รายนี้ออกมานำเสนอความคิดเห็นว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดในขั้นรุนแรง ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงสุดติดต่อกันเกือบทุกวัน จนทำให้พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งขาดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการสถานการณ์
ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหา ตนจึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐนตรีว่าการกระทวงกลาโหม พิจารณาให้มีการปรับเปลี่ยนการบริหารงานในตำแหน่งรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่ โดยให้มีการสลับตำแหน่งระหว่าง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คนปัจจุบัน เพื่อแก้ไขสถานการณ์การควบคุมโควิด-19 ที่จะต้องรัดกุม และเด็ดขาด ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
สำหรับผู้ที่มีความเหมาะสมนั้น ตนขอเสนอให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากด้วยบุคลิกการทำงานที่เป็นผู้นำ มีความเด็ดขาดในแบบฉบับของอดีตผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งจะสามารถสั่งการทั้งเรื่องของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด การตรวจเชื้อเชิงรุก และการจัดสรรวัคซีน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายไปได้
ขณะที่ นายอนุทิน นั้น เหมาะสมที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เนื่องจาก นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล (บิดาของนายอนุทิน) เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาแล้ว ซึ่งจะสามารถถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานได้ รวมทั้งประสบการณ์ของนายอนุทิน ซึ่งเคยบริหารบริษัทเอกชนมาแล้ว จะสามารถนำมาปรับใช้กับรูปแบบการบริหารในส่วนของการปกครองที่จะต้องกระจายอำนาจให้กับส่วนภูมิภาคได้
อย่างไรก็ตาม การเสนอให้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ตนเสนอในนามของ ส.ส. ซึ่งมีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน และเห็นว่าควรมีการปรับเปลี่ยนการทำงานเพื่อให้การดูแลและแก้ไขสถานการณ์โควิดในปัจจุบันสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ต่อการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลได้มากยิ่งขึ้น