รองเจ้าอาวาสโต้ ปมตุ๋ยเณร หลังโดนแจ้งจับ เผยอีกมุม เชื่อเป็นสาเหตุที่ทำแม่แค้น

Home » รองเจ้าอาวาสโต้ ปมตุ๋ยเณร หลังโดนแจ้งจับ เผยอีกมุม เชื่อเป็นสาเหตุที่ทำแม่แค้น


รองเจ้าอาวาสโต้ ปมตุ๋ยเณร หลังโดนแจ้งจับ เผยอีกมุม เชื่อเป็นสาเหตุที่ทำแม่แค้น

รองเจ้าอาวาสโต้ ปมตุ๋ยเณร หลังโดนแจ้งจับ เผยอีกมุม เคยจับเณรสึกเพราะเสพยา เชื่อเป็นสาเหตุที่ทำแม่แค้น ไม่แจ้งความกลับ ชาวบ้านมั่นใจถูกกลั่นแกล้ง

จากกรณี นางน้อย (นามสมมติ) อายุ 38 ปี ราษฎรชาวอุดรธานี พา ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 14 ปี และสามเณรบี (นามสมมติ) อายุ 15 ปี รวมทั้ง พระปัณณฑัต ภครเมธานนท์ หรือมหาบอย อายุ 35 ปี พระพี่เลี้ยง แจ้งความที่ สภ.ห้วยหลวง จ.อุดรธานี ว่า ด.ช.เอ เคยถูกพระรองเจ้าอาวาสวัด ล่วงละเมิดทางเพศ ขณะบวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี รวม 3 ครั้ง รวมทั้งสามเณรบีด้วย เหตุเกิดเมื่อเดือนต.ค.2564-ต.ค.2565 ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 8 พ.ย.65 ที่วัดธรรมศิริบัณฑิต บ้านหนองฮาง ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี พระปลัดบุญญฤทธิ์ รองเจ้าอาวาสวัด ที่ถูก ด.ช.เอ และ สามเณรบี กล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ ได้เปิดเผยว่า อาตมาบวชและจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ 10 พรรษา ไม่จับเงินเพราะมีคณะกรรมการวัดเป็นผู้ดูแล พระมหาบอย และ ด.ช.เอ รวมทั้งสามเณรบี ก็เคยอยู่วัดนี้ อาตมาสร้างศาลาการเปรียญเสร็จ จึงออกไปจำพรรษาที่วัดบ้านข่า อ.กุดจับ จ.อุดรธานี เพราะเป็นความเชื่อของชาวอีสาน หากสร้างโบสถ์ วิหาร หรือศาลาเสร็จ คนสร้างต้องไปอยู่ที่อื่นก่อน พอครบ 1 พรรษา ชาวบ้านจึงได้ไปนิมนต์ให้กลับมา จึงให้พระมหาบอยไปจำพรรษาแทน โดยมี สามเณรเอ และสามเณรบี ไปจำพรรษาด้วย

พระปลัดบุญญฤทธิ์ กล่าวต่อว่า หลังจากให้พระมหาบอย ไปอยู่ที่วัดบ้านข่า อาตมาก็เดินทางไปมาหาสู่และไปรับกฐินด้วย ทำให้พระมหาบอยไม่พอใจ คิดว่าอาตมาอยากเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านข่า จึงได้ต่อว่าอาตมา และสุดท้ายด่าด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย อาตมาจึงบอกว่า แล้วแต่ผู้ใหญ่บ้านจะตั้งใครเป็นเจ้าอาวาส อาตมาไม่ยุ่งเกี่ยว แต่คณะสงฆ์ไม่แต่งตั้งมหาบอยเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านข่า มหาบอยเชื่อว่าอตมาอยู่เบื้องหลัง หลังจากนั้นไม่นาน สามเณรเอ ก็ขอกลับมาอยู่ที่วัดธรรมศิริบัณฑิต เพราะโดนมหาบอยไล่กลับ ต่อมา สามเณรเอ ได้เข้าไปพัวพันยาเสพติด ครอบครองและเสพยาบ้า อาตมาจึงจับสึก ทำให้แม่ของสามเณรเอมาต่อว่าอาตมาในวัดต่อหน้าญาติโยมหลายคน แล้วทั้ง 2 ก็พาสามเณรไปแจ้งความว่า อาตมาล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าโดนกลั่นแกล้ง

“หากผลพิสูจน์ออกมาว่าอาตมาไม่ได้ล่วงละเมิดสามเณรแล้วนั้น จะแจ้งความกลับหรือไม่ ตามหลักพุทธศาสนา จะให้โอกาสคน สอนคนให้เป็นคนดี เวรต้องระงับไม่จองเวร ใครจะฟ้องก็ฟ้องไป ใครจะทำอะไรก็ทำไป หากอาตมาไปจองล้างจองผลาญ มันก็ไม่จบไม่สิ้น ชาตินี้คงเป็นแบบชาติหน้าก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน ต้องนำมาแก้กัน หากสู้กันไปมา ก็จะทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา จากปัญหาส่วนตัวกลายเป็นปัญหาส่วนรวม ศาสนาพุทธก็มีแต่คนจ้อง พระสงฆ์เป็นตัวการ ทำให้ชาวบ้านแตกแยกกัน ทำให้วัดหรือศาสนาเสื่อม เพราะปัจจุบันข่าวเกี่ยวกับศาสนาก็มีมาก อาตมาก็บวชพรรษามามากพอสมควร สร้างอะไรก็มามาก ก็ประจักษ์ ในสายตาต่อญาติโยม อาตมาก็ยอมรับสิ่งเกิดในชะตากรรม หากแก้ไปแล้ว พ้นข้อกล่าวหาก็จบ ให้เป็นไปตามขบวนการ ก็แปลกใจเหมือนทำไมถึงมีข่าวออกไปแบบนี้” พระปลัดบุญญฤทธิ์ กล่าว

ขณะที่ สามเณรวีรภัทร กล่าวว่า เคยรู้จักกันและสนิทกันกับ ด.ช.เอ ตอนมาบวช หลังลาสึกออกไปก็ไม่ได้ติดต่อกัน ที่ผ่านมา ด.ช.เอ เคยเสพยาให้ตนเห็นด้วย และคิดว่าเรื่องที่พากันไปแจ้งความนั้น มันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะพระอาจารย์บวชมานาน 10 พรรษาแล้ว ในเรื่องกำหนัดนั้นท่านก็คงไม่มี เพราะตั้งแต่อยู่กับท่านมาก็ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ หรือถูกกระทำล่วงละเมิดอย่างที่ว่าเลย และมีชาวบ้านเคารพนับถือ เลื่อมใสศรัทธา เพราะท่านเป็นพระที่ชอบสร้างวัดมา 3-4 แห่ง อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้น อยากให้มาขอโทษพระอาจารย์ เพราะทำให้ญาติโยมขาดความเลื่อมใสศรัทธาท่าน และสร้างความแตกแยกให้กัน เรื่องก็จะได้จบ

ด้าน นายปราณี ชาวกะมุด อายุ 61 ปี คณะกรรมการวัด เปิดเผยว่า เณรที่ไปแจ้งความเคยถูก พระปลัดบุญญฤทธิ์ ให้สึกและออกไปจากวัด เพราะไปมั่วสุ่มยาเสพติดแล้วทำให้แม่ไม่พอใจ ก็เลยมาหาเรื่องใส่พระ เมื่อเช้าตนได้ไปสอบถามพระปลัดถึงพฤติกรรม เพราะไม่เคยเห็นมีพฤติกรรมแบบนี้ ซึ่งตนไม่เชื่อเลยว่าพระปลัดจะมีพฤติกรรมแบบนี้ ถ้ามารู้ว่าพระปลัดเป็นแบบนี้ตนจะไม่ขอเป็นกรรมการวัดเลย ตนเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้ง

ทางด้าน นายมนัส แก้วสีดา ผู้ใหญ่บ้านหนองฮาง หมู่ 4 กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนว่าเป็นการกล่าวหากัน ต้องมีหลักฐานและพยาน จะมากล่าวหากันลอยๆ ไม่ได้ เพราะตนในฐานะผู้ใหญ่บ้านก็เป็นคนกลาง ต้องมีพยานบุคคล หลักฐานต่างๆ ถ้าไม่มีพยานหลักฐานก็จะเกิดความเสียหาย วัดบ้านของตนจะเสื่อมเสีย ตนก็ไม่อยากให้มีการกล่าวหาถ้าไม่ใช่เรื่องจริง ถ้าหากเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องจริง ผู้ที่กล่าวหาจะต้องรับผิดชอบ หลังจากที่มีการแจ้งความ ตนก็ได้เข้าไปคุยกับ พระปลัดบุญญฤทธิ์ แล้ว โดยพระบอกว่าปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเจ้าหน้าที่หน่วยงานก็ต้องมาสอบข้อเท็จจริง ถ้าผิดตามที่กล่าวหาทางพวกตนก็ไม่ว่ากัน ตนก็ยึดความถูกต้อง ตอนนี้ยังถือว่าพระอาจารย์ยังไม่มีความผิด ยังเป็นผู้บริสุทธิ์

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ