ใช่คุณหรือเปล่า ที่ใช้ความพยายามไปกับการลดน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายมันก็ล้มเหลว เพราะผ่านไปไม่นานคุณก็กลับมาอ้วนอีก แถมยังอ้วนกว่าตอนแรกอีกต่างหาก ที่เหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นก็เพราะเราใช้วิธีการที่ผิด แต่ไม่ต้องรู้สึกแย่ไปหรอก ยังมีเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกหลายคน
และนี่คือวิธีลดความอ้วนที่ทำแล้วเฟล ไม่ควรเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพแบบสุดๆ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. งดมื้อเย็น
หนึ่งในวิธีลดความอ้วนที่สิ้นคิดที่สุด พอกางเกงคับขึ้นมาทีไรก็บ่นว่า “เลิกกินมื้อเย็นดีกว่า” เพราะคนส่วนมากเข้าใจว่ามันคือมื้ออาหารที่ไม่จำเป็น ไหนๆ ก็จะเข้านอนแล้ว กินเข้าไปก็เป็นไขมันสะสม ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง
“โค้ชเป้ง” นักวิทยาศาสตร์การกีฬา เจ้าของแฟนเพจ EZ2fit เคยกล่าวว่า “พระสงฆ์ไม่กินข้าวเย็น ทำไมเรายังเห็นพระสงฆ์ลงพุง?” แบบนี้แปลว่าการงดมื้อเย็นไม่ใช่หนทางสู่ความผอม ใช่หรือไม่?
ความเป็นจริงคือ การอดอาหารเป็นเวลาต่อเนื่องกันนานหลายวัน จะทำให้ระบบเผาผลาญแย่ลง ร่างกายอ่อนแอ น้ำตาลในเลือดต่ำ ระบบขับถ่ายผิดปกติ และที่เลวร้ายไปกว่านั้น เมื่อกลับมาทานอาหารตามปกติ น้ำหนักตัวอาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนแรกด้วยซ้ำ เพราะระบบเผาผลาญพังไปเรียบร้อยแล้ว โยโย่เอฟเฟกต์ถามหาแน่นอน
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า “มื้อเย็นไม่ใช่สาเหตุของความอ้วน” แต่ความอ้วนมาจากการกินมากเกินกว่าที่ร่างกายจะเผาผลาญได้หมดต่างหาก ดังนั้น ต่อให้เราไม่ทานมื้อเย็น แต่ก่อนหน้านี้ซัดมาแล้วอย่างเต็มที่ และไม่สามารถเผาผลาญออกได้หมด เราก็อ้วนอยู่ดี
ที่ถูกต้องคือ กินอาหารให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย สำหรับผู้หญิง (ที่ไม่ออกกำลังกาย) ต้องการพลังงานประมาณ 1,200 แคลอรี สำหรับผู้ชาย จะอยู่ที่ไม่เกิน 2,000 แคลอรี โดยที่เราอาจจะแบ่งเป็นมื้อหลัก 3 มื้อ กับของว่างระหว่างมื้อก็ได้ นอกจากนี้ ควรใส่ใจกับอาหารที่เราเลือกทานด้วย เช่น ทานอาหารที่ไม่ผัด ไม่ทอด งดขนม ของหวาน แบบนี้เป็นต้น
2. เลิกกินแป้ง
คนส่วนมากเข้าใจว่า “แป้ง” หรือ “คาร์โบไฮเดรต” คือตัวการของความอ้วน เวลาจะไดเอททีไรก็มักจะนึกถึงวิธีนี้ เพราะดูๆ แล้วมันน่าจะง่ายกว่าวิธีแรก เพราะไม่ต้องอดอาหารทั้งมื้อ เพียงแค่ไม่กินข้าวกับขนมปังเท่านั้นเอง…แต่มันง่ายขนาดนั้นจริงๆ เหรอ
จริงๆ แล้วคาร์โบไฮเดรตไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ลำพังตัวมันเองไม่ได้ทำให้เราอ้วน แต่ที่อ้วนเพราะกินเข้าไปมากเกินกว่าที่ใช้ต่างหาก นอกจากนี้ คาร์โบไฮเดรตจากข้าวไม่ขัดสีก็ยังมีใยอาหารและวิตามินที่ร่างกายต้องการ
เมื่อร่างกายขาดคาร์โบไฮเดรตในระยะเวลาหนึ่ง อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน เมื่อยล้า ร่างกายอ่อนแอ เพราะคาร์โบไฮเดรตคือแหล่งพลังงานที่ร่างกายเรานำมาใช้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่เช้าจนเข้านอน
รู้แบบนี้แล้วก็กินๆ เข้าไปเถอะ แค่เลือกกินอาหารที่มีคาร์บเชิงซ้อน หรือก็คือข้าว แป้ง แบบไม่ขัดสี ธัญพืช ผัก ผลไม้ ถั่วชนิดต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นคาร์บที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
3. สูตรเร่งด่วนลดความอ้วนภายใน 3 – 7 วัน
เชื่อว่านวัตกรรมการลดความอ้วนแบบนี้ต้องเคยผ่านตาเราๆ ท่านๆ กันมาบ้าง ยิ่งในยุคโซเชียลมีเดีย เรื่องราวแบบนี้ยิ่งถูกส่งต่อได้ง่ายขึ้น ลองมาดูกันว่าคุ้นๆ ตากับอะไรแบบนี้บ้างมั้ย?
เช้า กาแฟดำ 1 แก้ว ใส่น้ำตาล 1 ก้อน
กลางวัน ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น สลัดผัก
เห็นแล้วก็อดใจไม่ไหว ต้องร้องว่า โอ้ มายก๊อด ออกมาดังๆ อะไรมันจะง่ายปานนั้น กินตามสูตรแค่ไม่กี่วัน ความอ้วนที่สั่งสมมาหลายสิบปีก็หายไป อัศจรรย์เหมือนหนังเหมือนละครสุดๆ
ความจริงคือ การกินอาหารในปริมาณเพียงเท่านี้ในแต่ละวัน ไม่ต่างอะไรจากการอดอาหาร เพราะมันไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพ
เมื่อกินตามสูตรจนครบ 7 วัน น้ำหนักอาจจะลดลงก็จริง แต่มันคือน้ำในร่างกายและมวลกล้ามเนื้อที่หายไป ไม่ใช่ไขมันที่เราอยากกำจัดมันทิ้ง และก็แน่นอนว่าระบบเผาผลาญของเราจะพัง ทันทีที่กลับเข้าสู่วิถีการกินตามปกติ ตัวจะบวมขึ้นๆ ถ้าโชคร้ายหน่อยก็อาจจะบวมกว่าเดิม
ถ้าใครที่ยังใช้วิธีนี้ลดความอ้วนอยู่ละก็ ขอให้โชคดี…
4. ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อการลดน้ำหนัก
มาแรงสุดๆ สำหรับยุคนี้ มาพร้อมกับคำบรรยายสรรพคุณสุดมหัศจรรย์ กินแล้วผอม หุ่นดี แถมยังกินอะไรก็ได้ที่อยากจะกิน อาหารไขมันสูงก็กินได้ ไม่ต้องห่วง เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีสรรพคุณในการดักจับไขมัน โอ้โห…นี่มันอาหารเสริมในอุดมคติของคนอยากผอมแต่ดันขี้เกียจชัดๆ
โดยมากแล้วอาหารเสริมเหล่านี้จะต้องมาพร้อมกับคำอธิบายตัวเป้งๆ ว่า “ไม่ใช่ยาลดความอ้วน” แหงล่ะ เพราะสมัยนี้ใครๆ ก็รู้แล้วว่ายาลดความอ้วนเป็นอันตรายต่อชีวิตขนาดไหน แต่สังเกตมั้ยว่าคำโฆษณาสรรพคุณของอาหารเสริมเหล่านี้มันไม่ต่างอะไรจากยาลดความอ้วน
ขอเตือนความจำสักเล็กน้อย ช่วงที่ผ่านๆ มามีการบุกทลายโรงงานผลิตอาหารเสริมเพื่อการลดน้ำหนักหลายๆ แบรนด์ เพราะผสมสารไซบูทรามีน ซึ่งเป็นสารอันตรายที่จะไปกระตุ้นสมองให้ไม่อยากทานอาหาร
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะบอกว่ากินแล้วผอม ไม่กลับมาอ้วนอีกแน่นอน นี่มันจี้ตรงจุดของคนที่ผ่านการลดความอ้วนมาแล้วหลายต่อหลายครั้งจริงๆ
…แต่ถ้ากินแล้วไม่กลับมาอ้วนอีก ยาพวกนี้คงไม่เป็นที่ต้องการในที่สุด โรงงานผลิตคงไม่รวยแล้วรวยอีก คนขายก็คงไม่ต้องแพ็คสินค้าส่งมือเป็นระวิง…ถ้ากินแล้วผอมแบบถาวรจะรวยกันขนาดนี้รึ?
เชื่อเถอะ สรรพคุณแบบนี้มันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไม่มีเป้าหมายไหนที่จะสำเร็จได้โดยไม่ต้องพยายามหรอก
5. ชุดกระชับสัดส่วนหรือสเตย์
ชุดกระชับสัดส่วน อีกหนึ่งนวัตกรรมการลดความอ้วนที่ดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์เข้าไปทุกที เพราะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแม่เหล็กบ้าง เม็ดอินฟาเรดบ้าง ซึ่งจะช่วยดูดไขมันออกมาจากพุงและอวัยวะอื่นๆ ทั่วร่างกายได้ เพียงแค่ใส่เอาไว้เฉยๆ ก็เหมือนช่วยเบิร์นไขมันตลอดเวลา
ฟังดูเหลือเชื่อขนาดนี้ก็ยังมีคนเชื่อ…
ขออนุญาตบอกความจริงอย่างหนึ่งที่อาจทำให้สาวกของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องเจ็บปวดใจ
ก่อนหน้านี้ ศ.ดร.ภักดี โพธิศิริ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เคยออกมาบอกแล้วว่า เม็ดอินฟาเรดไม่เคยมีในโลกนี้ เพราะมันเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่ได้มีสรรพคุณในการลดน้ำหนัก ส่วนเส้นใยไลคราและเส้นใยสแปนเด็กซ์ ที่เป็นส่วนประกอบของเนื้อผ้าก็ไม่ได้มีคุณสมบัติในการลดไขมันเช่นกัน
การใส่สเตย์รัดหน้าท้องอาจจะทำให้รูปร่างคุณดูดีตอนที่ใส่อยู่ก็จริง แต่สุดท้ายแล้วคุณจะประสบปัญหา “ลงพุง” ได้ง่ายกว่าเดิม เพราะกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวไม่ได้ถูกใช้งาน สุดท้ายแล้วก็จะเกิดอาการกล้ามเนื้อลีบ กินอะไรเข้าไปนิดๆ หน่อยๆ ก็ลงพุง
บอกได้เลยว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องของเราคือ “สเตย์ธรรมชาติ” ถ้าไม่อยากลงพุงก็ต้องบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไม่ใช่หาอะไรมารัดไว้จนกลายเป็นกล้ามเนื้อที่ไม่ได้ใช้งาน
และก็ขอให้เข้าใจว่าความเฟิร์มมาจากกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น และไขมันที่ลดลง ไม่ใช่หาอะไรมารัดไว้แล้วมันจะเฟิร์ม เข้าใจตรงกันนะ
ที่เขียนมาซะยืดยาวก็หวังว่าคนที่กำลังหลงอยู่ในวิธีเหล่านี้จะตาสว่างขึ้นมาบ้าง (หรืออาจจะอ่านไปเถียงไปจนจบพร้อมๆ กับสาปแช่งคนเขียน ฮา ฮา) แต่ขอบอกไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้าคิดจะลดความอ้วน ต้องใช้วิธีที่ทำได้ตลอด กลายเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีชีวิต เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับมาอ้วนอีก
…และถ้าใครบอกคุณว่า “ไม่ต้องออกกำลังกาย ไม่ต้องเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ก็ผอมได้” เชื่อได้เลยว่าเขาไม่ได้หวังดีกับคุณจริงๆ
ถ้าอยากได้ผลที่ต่างไปจากเดิม ก็ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการ ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ยว่าทำยังไงถึงจะผอม
ผูกเชือกรองเท้าให้แน่น แล้วไปออกกำลังกายกัน!
อ้างอิงข้อมูลทางวิชาการจาก “โค้ชเป้ง” สาธิก ธนะทักษ์ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา เจ้าของแฟนเพจ EZ2fit