ตร.สน.ประชาชื่น รวบหนุ่มใหญ่ ตระเวนลักทรัพย์ตามหอพัก เดินบิดประตู ห้องไหนไม่ล็อก ฉวยโอกาสฉกทรัพย์ ทำมาแล้วนับ 10 ครั้ง พบเพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 63
เมื่อวันที่ 25 พ.ย.65 พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ประชาชื่น โดย พ.ต.ท.สุนทร ไชยรักษา รอง ผกก.สส.สน.ประชาชื่น พ.ต.ต.ประจบ ศรีแสง สวย.สส.สน.ประชาชื่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ร่วมกันจับกุมตัว นายพัลลภ อายุ 54 ปี
พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน สมุดบัญชีธนาคาร และบัตรประจำตัวของผู้เสียหายรวมกว่า 23 รายการ โดยจับกุมได้ภายในห้องพัก ของโรงแรมแห่งหนึ่งใน กทม. เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 พ.ย. ที่ผ่านมา
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 23 พ.ย. เวลาประมาณ 08.30 น. ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่นว่า เมื่อเวลา 06.15 น. ตรวจสอบทรัพย์สินภายในห้องพบว่า โทรศัพท์มือถือ และไอแพด หายไป
เมื่อตรวจสอบดูกล้องวงจรปิดภายในหอพัก ปรากฏว่าเวลาประมาณ 04.50 น. มีชายไทยไม่ทราบชื่อ-นามสกุล เข้ามางัดประตูห้อง ก่อนจะเข้าไปลักเอาทรัพย์สินแล้วหนีไป หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ประสพโชค สั่งการ พ.ต.ท.สุนทร โดย พ.ต.ต.ประจบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ประชาชื่น ลงพื้นที่เร่งรัดสืบสวนติดตามตัวคนร้ายในคดีนี้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนออกหาข่าวจนทราบว่า คนร้ายมาพักอยู่ที่โรงแรมดังกล่าว จึงเดินทางไปตรวจสอบทันที พบนายพัลลภ รูปพรรณตรงกับภาพวงจรปิด ที่ไปก่อเหตุลักทรัพย์ จึงเชิญตัวมาสอบสวน ต่อที่สน.ประชาชื่น
จากการสอบถามทราบชื่อ นายพัลลภยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุลักทรัพย์ ในซอยวงศ์สว่าง 11 จริง จากนั้นพาไปค้นที่ห้องพัก พบของกลางโทรศัพท์มือถือจำนวน 6 เครื่อง ที่ผ่านมาก่อเหตุมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง โดยจะเลือกก่อเหตุเฉพาะหอพัก ไม่เลือกก่อเหตุที่เป็นบ้าน เพราะเจ้าของบ้านอาจจะมีปืน และจะเลือกหอพักที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัย ไม่มีรปภ. ไม่มีกล้อง ใช้ช่วงเวลาดึกๆ ที่คาดว่าเจ้าของจะหลับสนิท
จากนั้นจะเดินลองบิดลูกบิดประตูดู หากใครไม่ล็อกก็จะเปิดไปมองหาทรัพย์ที่หยิบฉวยง่าย จะไม่เข้าไปในห้อง เพราะกลัวเจ้าของตื่นมาเจอ ส่วนใหญ่ทรัพย์สินที่ได้มาก็จะเป็นมือถือ กระเป๋าเงิน จากนั้นจะนำซิมออก แล้วหักซิมทิ้ง เพื่อป้องกันการติดตามตัวจากโทรศัพท์ ก่อนนำไปขายเครื่องละ 200-2,000 บาท ส่วนรถที่ใช้ก่อเหตุก็เป็นรถที่ขโมยมา ซึ่งไม่ได้งัด แต่เจ้าของเสียบกุญแจไว้
ด้านพ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์เจ้าของห้องเช่า หรืออพาร์ตเมนต์ ช่วยวางมาตรการในการป้องกันเหตุลักทรัพย์ในลักษณะนี้ โดยให้มีระบบการตรวจสอบการเข้าออกของบุคคลภาพนอก (ระบบคีย์การ์ด) หรือมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมทั้งให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด
นอกจากนี้ ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้พักอาศัย หรือเจ้าของห้องที่อาจจะไม่ได้ล็อคห้อง หรือชอบเปิดประตูทิ้งไว้ แล้วอาจเผลอหลับไปก็อาจจะเป็นช่องโอกาสให้คนร้ายก่อเหตุในลักษณะนี้ขึ้นได้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีก ในส่วนของประชาชนหรือผู้ที่คิดว่าอาจจจะตกเป็นเหยื่อของคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว และนำทรัพย์สินของท่านไป สามารถติดต่อเข้ามาดูทรัพย์สินของกลางที่คาดว่า อาจเป็นของท่านได้ สน.ประชาชื่น
อย่างไรก็ตาม จากการขยายผลคนร้ายรายนี้ได้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ก่อเหตุลักทรัพย์รถ จยย.ที่ ซ.กรุงเทพ-นนทบุรี 52 (ท้องที่ สน.ประชาชื่น)
วันที่ 14 พ.ย. ก่อเหตุลักทรัพย์ทองรูปพรรณ ภายใน ซ.กรุงเทพ-นนทบุรี 5 (ท้องที่ สน.เตาปูน) วันที่ 23 พ.ย.65 ก่อเหตุลักทรัพย์ โทรศัพท์มือถือ ที่หอพัก ภายในซอยวงศ์สว่าง 11 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ (ท้องที่ สน.ประชาชื่น)
วันที่ 23 พ.ย.65 ก่อเหตุลักทรัพย์ กระเป๋าเงิน ภายในซอยวงศ์สว่าง 11 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ (ท้องที่ สน.ประชาชื่น) และจากการตรวจสอบประวัติ พบเคยถูกจำคุกในคดีอนาจาร 6 เดือน ท้องที่สน.คลองตัน และคดีลักทรัพย์ ท้องที่สภ.เมืองนนทบุรี จำคุก 5 ปี โดยเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2563
พ.ต.ท.สุนทร กล่าวว่า ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการ ร้านรับซื้อของเก่า ให้ช่วยตรวจสอบที่มาของทรัพย์สินที่จะรับซื้อ รวมถึงเก็บหลักฐานข้อมูลของผู้มาขายเพื่อสะดวกในการติดตามตัวคนร้ายที่แฝงตัวนำมือถือที่ขโมยได้มาขาย ซึ่งในส่วนนี้ถ้าเป็นทรัพย์ที่ถูกขโมยมา แล้วรับซื้อไว้โดยไม่ตรวจสอบ ก็อาจจะตกเป็นผู้ต้องหารับซื้อของโจรได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งหลังจากสอบสวนเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวฝากขังที่ศาลอาญา โดยทันที