วันที่ 29 มิ.ย. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สอบสวนปากคำหญิงอายุ 29 ปี และ ชายอายุ 30 ปี ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์ ภายหลังตำรวจศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวและป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ตำรวจภูธรภาค 5 สืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ร่วมกันนำเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ไปขายบริการทางเพศในพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่ และ มีการใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ในการติดต่อซื้อขายบริการทางเพศผ่านชื่อไอดีไลน์กลุ่มว่า “แบล็กเดวิล”
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ส่วน น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ทั้งสองคนมีภูมิลำเนาเป็นคน จ.เชียงใหม่ และคบหาเป็นแฟนกัน โดย นายเอ ทำงานอยู่ในย่านอาเขตเชียงใหม่ ส่วน น.ส.บี มีอาชีพเป็นเด็กเอนเตอร์เทน นอกจากนี้ น.ส.บี ยังมี พฤติกรรมในการเป็นธุระจัดหาหญิงสาวเพื่อการขายบริการทางเพศ โดยจะตระเวนส่งเด็กสาวขายบริการให้กับลูกค้าในสถานที่ต่างๆ ในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทีการติดต่อขายบริการผ่านไลน์ไอดี “แบล็กเดวิล” เพื่อเป็นช่องทางพูดคุยและส่งภาพหญิงสาวให้กับลูกค้า หลังจากตกลงราคากันลงตัวแล้วก็จะพาหญิงสาวที่ลูกค้าเลือกไปส่งให้กับลูกค้า แล้วจะแบ่งเงินค่าบริการกันกับหญิงสาวเพื่อเป็นค่าธุระจัดหา
ต่อมาผู้เสียหายเป็นเด็กหญิง อายุ 14 ปี ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่ โดยระบุว่า ถูกผู้ต้องหาทั้ง 2 คน หลอกลวงไปขายบริการทางเพศ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง รวบรวมเบาะแสและหลักฐานเข้าทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน โดยสามารถจับกุม นายเอ ได้ที่ทำงานในย่านอาเขตเชียงใหม่ และติดตามตัว น.ส.บี ได้ที่บ้านพักในอำเภอสันทราย จากนั้นได้ทำการนำตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาสอบสวน
นางสาวบี ได้ให้การรับสารภาพในระหว่างการสอบสวนว่า ได้เป็นธุระจัดหา และพาเด็กหญิงวัย 14 ปี ไปขายบริการจริง โดยได้ติดต่อกับทางลูกค้าที่ซื้อบริการผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ในราคา 1,500 บาท จากนั้นก็ได้พาเด็กหญิงไปหาลูกค้า และได้แบ่งเงินกัน โดยตนเองมีอาชีพเป็นเด็กเอนเตอร์เทนและได้เปิดกลุ่มไลน์ขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางขายบริการหญิงสาว เป็นการหารายได้เสริมในช่วงโควิด 19 ที่ผับบาร์คาราโอเกะปิด ทำให้ตนเองไม่มีรายได้
ส่วน นายเอ แฟนหนุ่ม ยังให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของ น.ส.บี แต่ในอย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นายเอ เคยถูกจับกุมในยาเสพติดมาแล้วครั้งหนึ่ง
หลังจับกุมเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหากระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม ซึ่งกระทำแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร, ความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2537 มาตรา 9 และ ความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6
พล.ต.ท.ประจวบ กล่าวว่า ผู้เสียหายเป็นเด็กผู้หญิงอายุ 14 ปี มาแจ้งความร้องทุกข์ ว่าถูกกลุ่มผู้ต้องหาชักชวนไปทำงาน ตอนแรกไม่ทราบว่าเป็นการค้าประเวณี แต่มาทราบในภายหลังว่าเป็นการค้าประเวณี จึงนำไหปสู่การสืบสวนจับกุมครั้งนี้ หลังจากนี้จะมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมไปยังกลุ่มอื่น ๆ ที่มีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกัน โดยพบว่าในระยะหลังมีการใช้ช่องทางออนไลน์ต่างๆ ในการขายบริการทางเพศมากขึ้น ได้มีการสั่งการกำชับให้เข้มงวดและสืบสวนสอบสวน จับกุมอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
