พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.อัครพล โทยะ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.สยมภู กุลจิตติสิโรดม รอง ผกก.สส.สน.โคกคราม พ.ต.ต.อัษฎาศ์ เนตรพุดซา สว.สส.สน.โคกคราม นำกำลังจับกุม นายภูวดล (สงวนนามสกุล)อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในข้อหา “แจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน,แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ” ได้บริเวณลานจอดรถร้านแห่งหนึ่ง ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ
หลังเพจสายไหมต้องรอด พาครอบครัว นายอนุชา อายุ 26 ปี อาชีพช่างแอร์ ผู้เสียหาย พร้อม นายกำพล อายุ 58 ปี นางดวงพร อายุ 51 ปี บิดามารดา ร้องขอความเป็นธรรมกรณีลูกชายถูกจับผิดตัว ติดคุกฟรี 80 วัน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และ ศาลอาญา รัชดาฯ มีคำสั่งปล่อยตัว เนื่องจากพบว่า เป็นการออกหมายจับผิดตัว เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา และมีการร้องทุกข์กับทาง กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่าน
สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา นายภูวดล ได้ขับรถยนต์ฮอนด้าแจ๊ส สีเทา ไม่ติดแผ่นป้าย ถูกตำรวจ บก.สปพ. เรียกตรวจค้น พบพิรุธรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง ส่งตรวจหาเสพติด พบมีสารเสพติดประเภท 1 อยู่ในร่างกาย
จากนั้น นายภูวดล ได้ยืมบัตรประชาชนของ นายอนุชา ซึ่งเป็นเพื่อน เพื่อเอาไปประกันตัวคนกระทำผิด จนกลายเป็นผู้ต้องหาแทนเสียเอง ในคดีขับเสพ ซึ่งครอบครัวของผู้เสียหาย ได้ยื่นประกันตัวถึง 7 ครั้ง แต่ถูกปฏิเสธ อ้างเพราะหลบหนีคดี และไม่เคยไปรายงานตัวเลย ศาลจึงออกหมายจับตามข้อมูลบัตรประชาชน รวมทั้งไม่เคยมีหมายอะไรมาให้ที่บ้านเลย จนกระทั่งตำรวจมาจับกุมดังกล่าว ส่วนตัวของ นายภูวดล ได้ทำศัลยกรรมใบหน้า เพื่อหลบหนีการจับกุม และไปประกอบอาชีพเป็นบาร์โฮส
ต่อมาตำรวจ ตำรวจได้สืบทราบว่า นายภูวดล ได้ไปปรากฎตัวที่บริเวณลานจอดรถร้านแห่งหนึ่ง ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ จึงนำกำลังไปตรวจสอบ จนนำไปสู่การจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ดำเนินคดีต่อไป