คู่รักต่างวัยปลอมสลิปโอนเงิน ซื้อรถ 16 คัน จ่ายจริงแค่คันละ 1 บาท ยังให้การปฏิเสธ พบหมายจับเก่าคดีปลอมแปลงเอกสารซื้อคอนโดเมืองพัทยา
จากกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม นายองอาจ อายุ 24 ปี และ น.ส.ณัฐฐนันท์ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวนายองอาจ ผู้ต้องหากระทำผิดปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์ ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบียนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยทุจริต ฉ้อโกงทรัพย์ ซึ่งเกี่ยวกับคดีปลอมแปลงเอกสารซื้อคอนโดมิเนียมในพื้นที่เมืองพัทยา
นอกจากนี้ ยังหลอกซื้อรถยนต์ ยี่ห้อดัง จำนวน 16 คัน โดยปลอมหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งโอนจริงเพียงคันละ 1 บาท แล้วแก้ไขยอดเงินในสลิปให้เท่ากับราคารถส่งให้บริษัทหลงเชื่อ ส่งมอบรถให้กับผู้ต้องหา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (2 เม.ย.) เมื่อเวลา 21.30 น. พ.ต.ท.สุชาติ มานะการ สว.สส.สภ.เมืองพัทยา ได้คุมตัว นายองอาจ และ น.ส.ณัฐฐนันท์ ผู้ต้องหามายัง สภ.เมืองพัทยา ในคดีเก่าที่มีหมายจับที่เมืองพัทยา แต่ทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ
นายองอาจ และ น.ส.ณัฐฐนันท์ ยังได้ตำหนิการนำเสนอเรื่องการหลอกซื้อรถยนต์ 16 คัน โดยการโอนเงินไปเพียง 1 บาท แต่ได้ปลอมแปลงสลิปให้ตรงกับราคารถ ทำให้บริษัทหลงเชื่อนั้น ทั้งคู่ปฏิเสธพร้อมยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด หากกระทำจริงทางบริษัทต้องมีการตรวจเช็กตั้งแต่คันแรกที่ซื้อมา แต่เพราะเหตุใดจึงซื้อมาได้ถึง 16 คัน
ซึ่งตนเองก็ได้ติดต่อไปยังบริษัทแล้วทางบริษัทแจ้งว่าไม่ได้แจ้งความแต่อย่างใด ตนเองก็ได้ชี้แจงว่าขอแสดงความบริสุทธิ์ให้กับตนเอง แต่กลับมาถูกจับกุมเสียก่อน
ทั้งนี้ หลังจากมีกระแสข่าวออกไปแล้วนั้นทำให้ถูกสังคมประณาม พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้หากพิสูจน์แล้วว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ จะทำเรื่องฟ้องกลับกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.64 ทางบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดัง สาขาเพชรเกษม ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายประกอบด้วย นายองอาจ อายุ 24 ปี ซึ่งได้ติดต่อขอซื้อรถยนต์จากพนักงานขายของบริษัท รวม 18 คัน โดยมี น.ส.ณัฐฐนันท์ อายุ 43 ปี แฟนสาว เป็นผู้ส่งสลิปการโอนเงินค่าซื้อรถยนต์จำนวนดังกล่าวให้กับทางบริษัท เป็นจำนวนเงินประมาณ 16 ล้าน 2 แสนบาท
ซึ่งต่อมาทางบริษัทได้ทยอยส่งมอบรถยนต์ให้กับ นายองอาจ ไปแล้ว จำนวน 16 คัน เหลืออีก 2 คัน แต่ต่อมาทางบริษัทได้ทำการตรวจสอบยอดเงินที่โอนเข้าบัญชีของบริษัท พบว่ามียอดเงินโอนเข้ามาจริงเพียงคันละ 1 บาท เท่านั้น ไม่ตรงตามสลิปที่ น.ส.ณัฐฐนันท์ ส่งหลักฐานมาให้ทางบริษัทดู เชื่อว่าได้ถูกทั้งสองคนร่วมกันหลอกลวง จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดและติดตามรถยนต์ทั้งหมดที่ถูกประทุษรายไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของตำรวจนครบาล ระดมกำลังสืบสวนติดตามรถยนต์ทั้ง 16 คัน จากระบบ GPS ของรถยนต์ทุกคันที่ถูกติดตั้งไว้ จนสามารถตรวจยึดรถยนต์ทั้งหมดได้ในเขตพื้นที่ กทม.จำนวน 5 คัน, จ.สระแก้ว จำนวน 1 คัน, จ.ปราจีนบุรี จำนวน 1 คัน ในเขตพื้นที่ จ.ชลบุรี สามารถตรวจยึดได้ที่ ต.นาเกลือ จำนวน 2 คัน, อ.บางละมุง จำนวน 3 คัน, อ.สัตหีบ จำนวน 4 คัน รวมได้รถยนต์คืนทั้งหมด จำนวน 16 คัน