รร.นายร้อย สั่งสอบทุกประเด็น ปม อ้างเป็นอาจารย์ แถมสวมเครื่องแบบ

Home » รร.นายร้อย สั่งสอบทุกประเด็น ปม อ้างเป็นอาจารย์ แถมสวมเครื่องแบบ

สั่งสอบ

โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สั่งสอบทุกประเด็น ปม อ้างเป็นอาจารย์ สวมเครื่องแบบในงานเลี้ยง ผิดลูกเมีย ลั่น นี่ไม่ใช่สถานที่ผลิตโจร

วันนี้ (26 ต.ค.) พลตำรวจตรี ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ระบุว่าขณะนี้ทาง พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวมกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ได้สั่งการให้ การตั้งชุดตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเกี่ยวกับบุคลากรของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาญา และมีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในหลายประเด็น โดยเฉพาะในกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า เป็นอาจารย์สอนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งเรื่องดังกล่าวขณะนี้ได้ให้คณบดีคณะตำรวจศาสตร์เป็นผู้ตรวจสอบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นอาจารย์จริงหรือไม่ และยังสอนอยู่หรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลา และต้องให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง และผู้หญิงคนดังกล่าวมีการจดทะเบียนสมรสกับบุคลากรของโรงเรียนในร้อยตำรวจหรือไม่ และหากพบการกระทำผิดจริง จึงจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงมีการแต่งกายเครื่องแบบชุดตำรวจ ก็ต้องมีการตรวจสอบว่า ในเมื่อไม่ได้เป็นข้าราชการตำรวจแล้วไปแต่งชุดตำรวจในสถานะอะไร หรือแต่งเพื่ออะไร รวมถึงประเด็นที่มีการให้สัมภาษณ์ในประเด็นต่างๆ กับสื่อมวลชนก็จะต้องมีการตรวจสอบด้วยทั้งหมด และต้องตอบข้อสงสัย และคำถามสังคมให้ได้

image

ส่วนสามีของหญิงรายนี้ ก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกัน ถ้ารู้ว่าเกิดเป็นความเสียหายก็จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพราะมีการไปนำเสนอข่าวออกสื่อว่าเป็นบุคลากรของโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เป็นผู้ผลิตบุคคลต้นแบบ ที่มีหน้าที่เป็นโรงเรียนผลิตคนไปจับโจร ผลิตคนต้นแบบ ไม่ใช่ผลิตคนไปเป็นโจร

ส่วนกรณีที่บุคลากรของโรงเรียนไปมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหญิงอื่น ที่ไม่ใช่ภรรยาจะมีความผิดหนักกว่าประชาชนทั่วไปหรือไม่นั้น ยอมรับว่ามันเป็นความเสียหายอยู่แล้ว และผิดจรรยาบรรณ การเป็นอาจารย์ต้องเป็นต้นแบบ ซึ่งจะเป็นความผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่ ตรงนั้นจะเป็นผลการดำเนินการขั้นตอนต่อไป

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวว่า ในวันที่ภรรยานายพลตำรวจ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันบุกรุกเคหสถาน ที่สถานีตำรวจนครบาลพระโขนง เมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้ใช้สิทธิ์ขอบุคคลที่ไว้ใจเข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนด้วย โดยมีรายงานว่า เป็นคำแนะนำจากสามีของผู้ต้องหา รวมถึงคำแนะนำในเรื่องข้อโต้แย้งในการต่อสู้คดี นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ก่อนการเข้ามอบตัว สามีของผู้ต้องหา ได้ประสานมาที่ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระโขนงว่า ตัวสามีจะเข้ามาด้วย แต่สุดท้ายได้ส่งบุคคลใกล้ชิด ซึ่งเป็นสามทหารเสือคนสนิท เข้าร่วมรับฟังการสอบปากคำแทน ซึ่งก็สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่สามารถร้องขอได้

image

ขณะที่ การสอบปากคำผู้ต้องหา อ้างว่า ไม่ได้บุกรุก โดยรู้จักกับผู้เสียหายมานานแล้ว และเช่าห้องพักในคอนโดมิเนียมดังกล่าวเดือนละ 10,000 บาท ส่วนทรัพย์สินที่อยู่ในกระเป๋า เป็นเพียงเครื่องจักสาน ส่วนที่มีการกล่าวอ้างถึงทองคำ 120 บาท เป็นการรับจำนำจากสามีของผู้เสียหาย เนื่องจากสามีของผู้เสียหายมีปัญหาทางการเงิน และเคยมาขอยืมเงินบ่อยครั้ง

ทั้งนี้การที่ผู้เสียหายไปให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน ก่อนที่จะมีการแจ้งความ ทำให้ฝ่ายผู้ต้องหาเห็นข้อมูล และเห็นแนวทางการต่อสู้คดีให้ผู้ต้องหาโต้แย้ง จึงเป็นที่มาที่ทำให้สามีของผู้ต้องหา ได้ประสานสามทหารเสือเข้ามาร่วมรับฟังการสอบปากคำในวันนั้นด้วย และทำให้ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันบุกรุกเคหะสถาน อาจกลายเป็นช่องโหว่ ที่ทำให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมีข้อพิรุธ และสงสัยในหลายประเด็น เนื่องจากผู้เสียหายยังได้มีการให้สัมภาษณ์สื่อว่า ทางผู้ต้องหาได้ให้คนกลางติดต่อมาเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ตัวผู้เสียหายไม่ไป

messageImage 1729925630836

สำหรับแนวทางการสืบสวน ตำรวจพบข้อมูลว่า คดีลักทรัพย์และบุกรุกฯ ไม่ใช่ประเด็นหลัก ที่ทางกลุ่มผู้ต้องหาต้องการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่ต้องการให้เรื่องจบ เพื่อไม่ให้สาวไปถึงทรัพย์สินในถุงกระสอบสายรุ้ง 5 ถุง เพราะก่อนหน้านี้ทางลูกน้องของสามีผู้ต้องหาเคยให้ปากคำและสัมภาษณ์ว่า ทางสามีของผู้ต้องหาเคยนำเงิน และทองคำไปเก็บไว้ในกระสอบ ทำให้ต้องมีการตรวจสอบหาเจ้าของทรัพย์สินว่าเป็นของใคร หากพบว่าเป็นของข้าราชการ ก็จะเข้าข่ายร่ำรวยผิดปกติ และไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ