รมว.ยุติธรรม เดินสาย จ.น่าน ชวนชาวบ้านร่วมแจ้งเบาะแสคนค้ายา มีรางวัลนำจับ 5%

Home » รมว.ยุติธรรม เดินสาย จ.น่าน ชวนชาวบ้านร่วมแจ้งเบาะแสคนค้ายา มีรางวัลนำจับ 5%


รมว.ยุติธรรม เดินสาย จ.น่าน ชวนชาวบ้านร่วมแจ้งเบาะแสคนค้ายา มีรางวัลนำจับ 5%

รมว.ยุติธรรม เดินสาย จ.น่าน ชวนชาวบ้านร่วมแจ้งเบาะแสคนค้ายา มีรางวัลนำจับ 5% เตือนอย่ารับจ้างเปิดบัญชีให้ใคร สำหรับคนเป็นหนี้ กยศ. พร้อมช่วยไกล่เกลี่ย

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 12 พ.ย. 2564 ที่โรงเรียนปัว จ.น่าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในงาน “การสร้างการรับรู้นโยบายพืชกระท่อมสู่เศรษฐกิจชุมชน” พร้อมด้วยนายนิวัฒน์ งามธุระ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายวิศิษฐ์ ทวีสิงห์ ปลัดจังหวัดน่าน พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตํารวจภูธร ภาค 5 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายคุณดร งามธุระ คณะที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตตระกูล ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดน่าน นายสมเกียรติ อาจสังข์ นายอําเภอปัว นายประกวด พายัพสถาน ผู้อํานวยการโรงเรียนปัว และประชาชน 700 คนร่วมงาน โดยมีมาตรการตรวจ ATK ทุกคนก่อนเข้างาน

นายนิวัฒน์ กล่าวว่า พืชกระท่อมมีประโยชน์ทั้งด้านเศรษฐกิจและการแพทย์ นายสมศักดิ์ได้เห็นประโยชน์ จึงเสนอการถอดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดประเภทที่ 5 ในนามของพี่น้องชาว จ.น่าน ขอขอบคุณที่ผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจและใช้ตามวิถีชาวบ้าน จ.น่าน พร้อมที่จะรับนโยบายในการผลักดันพืชกระท่อมเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไป

ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นคำร้อง ฟ้องคดี ต่อสู้คดี และบังคับคดี สามารถยื่นขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรมได้ที่ศูนย์ยุติธรรมสร้างสุข หรือสำนักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ หากใครถูกกระทำ ไม่ใช่ฝ่ายผิด เรามีเงินช่วยเหลือทั้งกรณีเสียชีวิตและบาดเจ็บ นอกจากนี้เราออกกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่มีผลบังคับใช้วันที่ 9 ธ.ค. เมื่อก่อนคนค้ายาถูกจับก็ติดคุก แต่กฎหมายใหม่จะติดคุกและถูกยึดทรัพย์ย้อนหลัง 10 ปี และเรามีรางวัลสำหรับผู้แจ้งเบาะแสให้ราชการรู้ในส่วนแบ่งของการยึดทรัพย์ 5%

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากเป้าหมายที่เราตั้งเป้า 10,000 ล้านบาท เงินรางวัลก็จะมี 500 ล้านบาท ปีที่ผ่านมาเรายึดทรัพย์ผู้ค้ายาได้ 7,300 ล้านบาท แต่กฎหมายเก่ามีเงินรางวัลน้อย ตนขอเตือนทุกท่านว่าอย่าไปรับจ้างเปิดบัญชีให้กับใคร และสำหรับคนที่เป็นหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กระทรวงยุติธรรมจะช่วยไกล่เกลี่ย โดยวันที่ 17 พ.ย.จะทำข้อตกลงระหว่างกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพกับ กยศ. ที่ผ่านมาครูอาจารย์ของเราไปค้ำให้นักเรียนนักศึกษา จนมีปัญหาถูกฟ้องร้อง คนค้ำประกันปวดหัว เราจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ กระทรวงยุติธรรมจะเป็นเจ้าภาพในการช่วยไกล่เกลี่ย และกรมบังคับคดีจะช่วยในการให้คำปรึกษาในส่วนของผู้ที่ถูกฟ้องดำเนินคดี

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการที่ตนผลักดันการแก้ไขให้พืชกระท่อมถูกกฎหมาย ซึ่งก่อนที่จะปลดล็อก ทาง ป.ป.ส.โดยนายวิชัย ได้ช่วยร่างกฎหมายจนปลดล็อกได้สำเร็จ และมีหมู่บ้าน 135 หมู่บ้านที่นำร่องปลูกก่อนปลดล็อก โดยทางป.ป.ส.ได้อนุญาตให้ปลูกบ้านละ 3 ต้น สำหรับพืชกระท่อมขณะนี้ราคากิโลกรัมละ 300-500 บาท 1 ต้นจะเก็บเกี่ยวใบได้ประมาณ 216 กิโลกรัมต่อปี หากปลูกบ้านละ 3 ต้น จะได้ปีละ 648 กิโลกรัม หากตีเป็นเงินจะได้ประมาณ 194,400 บาทต่อปี และหากปลูก 1 ไร่จะได้ประมาณ 25 ต้น ผลผลิต 5,400 กิโลกรัม เป็นเงินประมาณ 1,620,000 บาท

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พืชกระท่อมสามารถนำไปทำผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น อาหาร ยารักษาโรค อาหารเสริม เวชสำอางค์ ซึ่งมีมูลค่ารวมในตลาดมากถึง 1.459 ล้านล้านบาท ดังนั้นการปลูกพืชกระท่อม หากแห่กันปลูกเหมือนพืชอื่นๆ จะทำให้ราคาตกต่ำ จากราคากิโลกรัมละ 300 บาทอาจจะเหลือแค่ 20-30 บาทเท่านั้น เราไม่อยากให้กระท่อมออกมารูปแบบนี้ แต่หากเรามีนวัตกรรมใหม่ๆ มีการสร้างงานวิจัย อย่างมอร์ฟีนที่ประเทศมหาอำนาจขายกัน กระท่อมมีสารที่ช่วยระงับการปวดได้ดีกว่ามอร์ฟีนหลายเท่า หากเราวิจัยและพัฒนาได้จะเพิ่มมูลค่าของพืช ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งสร้างงานวิจัยต่างๆ ออกมาอย่างเร่งด่วน

จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เปิดให้ประชาชนซักถามข้อสงสัยต่างๆ และมอบอุปกรณ์กีฬาให้กับ ผอ.โรงเรียนปัวและคณะนักเรียน พร้อมมอบกระท่อมพันธุ์ก้านแดงหางกั้ง 100 ต้นให้กับตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกกระท่อม และมอบชุด PPE 240 ชุด ให้กับประธาน อสม.อ.ปัว จากนั้นเดินทางไปปลูกต้นกระท่อมต้นแรกของ จ.น่าน ที่ ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง และพบปะพูดคุยกับเกษตรกร

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ