จากกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ กับ กรณีการเรียกเก็บค่าเยี่ยมชม อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย โดยเปิดให้ท่องเที่ยว บริเวณโถงที่ 2 และ 3 หลังจากปิดการท่องเที่ยวบริเวณดังกล่าวจากเหตุการณ์ ภารกิจช่วยเหลือทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่า เมื่อปี 2561
ระหว่างวันที่ 15-16 ธันวาคม 2566 เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ช่วยเหลือ 13 หมูป่าติดถ้ำ เมื่อปี 2561 นับเป็นการเปิดให้เข้าชมครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยจะเก็บค่าบริการ ในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวไทย รายละ 950 บาท และนักท่องเที่ยวต่างชาติ รายละ 1,500 บาท ซึ่งหลายคนมองว่า สำหรับราคาที่ตั้งมานั้นสูงเกินไป
ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ จะได้เข้าชมถ้ำหลวงแบบกลุ่ม ไม่เกิน 10 คน วันละ 2 รอบ รอบละประมาณ 2.30 ชั่วโมง และจะมีเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ คอยดูแลความปลอดภัยตลอดเส้นทาง
- ธรรมนัส แย้ม คดีหมูเถื่อน จ่อเปิดชื่อนักการเมืองมีเอี่ยว ชี้ ก่อนสิ้นปีชัดเจน
- แม่น้องชมพู่เปิดใจ คดีลุงพล-ป้าแต๋น ก่อนตัดสินคดี ยัน มั่นในหลักฐาน
- ทนายดัง เผย! ขบวนการทัวร์บุญ หากินกับ ‘อ.น้องไนซ์’ มีหมอดูร่วมทีม?
ทาง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีการชี้แจง รายละเอียดค่าเข้าถ้ำหลวง 950 บาท ที่ถูกพูดถึงว่า อุทยานฯไม่ได้นำเข้าเป็นรายได้ของอุทยานทั้งหมด แต่แบ่งเป็น
รายละเอียด
- ให้บุคลากรนำเที่ยว 500 บาท ซึ่งแบ่งเป็น ผู้เชี่ยวชาญและผู้ช่วย 350 บาท เจ้าหน้าที่กู้ภัย 2 คน คนละ 100 บาท และผู้นำเที่ยวท้องถิ่น 50 บาท
- นำเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่า และเจ้าหน้าที่ ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตของกรมอุทยานฯ 150 บาท
- นำเข้ากองทุนสวัสดิการถ้ำหลวง 300 บาท ซึ่งจะนำไปใช้ เป็นสวัสดิการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ค่าซ่อมแซมอุปกรณ์ในถ้ำและบริเวณด้านนอกที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ค่าประกันชีวิตเจ้าหน้าที่และบุคลากรนำเที่ยว เป็นต้น
ล่าสุด น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พูดถึงกรณีการเก็บตั๋วนักท่องเที่ยว เข้าชมถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องปรึกษาหลายหน่วยงาน แต่การตั้งราคานี้ก็น่าจะมีเหตุผล
ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนเห็นจากข่าวแล้วว่าราคาตั๋วค่อนข้างสูง ส่วนการประสานงานกับหน่วยงานอื่นนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยกัน