รทสช. โว ‘บิ๊กตู่’ เรตติ้งดี เชื่อ สนามกทม.มีพลิก ชี้วาระนายกฯ เหลือ 2 ปี กำลังดี

Home » รทสช. โว ‘บิ๊กตู่’ เรตติ้งดี เชื่อ สนามกทม.มีพลิก ชี้วาระนายกฯ เหลือ 2 ปี กำลังดี


รทสช. โว ‘บิ๊กตู่’ เรตติ้งดี เชื่อ สนามกทม.มีพลิก ชี้วาระนายกฯ เหลือ 2 ปี กำลังดี

รวมไทยสร้างชาติ โว “บิ๊กตู่-พีระพันธุ์” กระแสดี เชื่อ สนามกทม.มีพลิก เป็นตัวแปรผลการเลือกตั้ง ชี้วาระนายกฯ เหลือ 2 ปี กำลังเหมาะสม

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2565 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ลดลง ประกอบกับรวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคใหม่ ต้องปรับกลยุทธ์หรือไม่ ว่า ตนคิดว่าคะแนน พล.อ.ประยุทธ์ ยังดีอยู่ และจะดีขึ้นอีกเมื่อใกล้เลือกตั้ง วันนี้ถ้ามองการแบ่งพื้นที่การเมือง แต่ละพรรคจะมีฐานเสียงส่วนหนึ่ง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังเป็นแชมป์ และยังไม่เห็นว่ามีผู้นำคนไหนที่มาแทน พล.อ.ประยุทธ์ได้

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า แต่เมื่อมีการสำรวจเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งปี 62 ที่คะแนนนิยมนายกฯ เยอะ ก็อาจมีลดลงมาบ้าง แต่ปัจจัยที่ทำให้คะแนนนิยมนายกฯ ลดลง ไม่ใช่ที่ตัวนายกฯ แต่เป็นแวดล้อม ก็ต้องปรับแวดล้อมใหม่ พรรคใหม่ นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงต้องมีพรรคใหม่ และนายกฯ ต้องเลือกพรรคใหม่ เพราะพรรคใหม่ต้องทำแบบใหม่ ไม่ใช่บริหารแบบเดิม จะทำให้คะแนนนิยมนายกฯ กลับมาดีเหมือนเดิม

เมื่อถามว่าหลายโพลสำรวจไม่ค่อยมีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ติดอันดับต้น นายเอกนัฏ กล่าวว่า การจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านต้องดูว่าผลเลือกตั้งเป็นอย่างไร ต้องดูกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ส่วนเรื่องคะแนนนิยมต้องไปดูว่าผลสำรวจออกมาอย่างไร แต่ตนยังเชื่อว่าโพลครั้งสุดท้ายที่ทำ เรตติ้งพล.อ.ประยุทธ์ ยังดี และดีขึ้นตั้งแต่การประชุมเอเปก

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า หลังเอเปกหากท่านตัดสินใจมีแวดล้อมใหม่ ตนคิดว่าจะดีขึ้นอีก พอใกล้เลือกตั้งเมื่อมีการเปรียบเทียบตัวผู้นำ ตนว่ายิ่งดีขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเราก็มีการสำรวจและมีบางอย่างที่สำนักโพลไม่มี เราวัดที่ข้อมูลจริงไม่ใช่แค่สีสัน โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ กระแสพล.อ.ประยุทธ์ดีมาก คนชอบท่าน และมีผลต่อการเลือกตั้งแน่นอน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ในภาคใต้ถึงแม้พรรคที่นิยมมากที่สุด คือ ประชาธิปัตย์ แต่รักแล้วจะเลือกหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่วันนี้ผู้นำที่เขาชอบที่สุด คือ พล.อ.ประยุทธ์ วันนี้เมื่อเราได้กระแส เราก็ต้องมีตัวดีด้วย ขณะนี้เราเตรียมพร้อมไว้พอสมควร ว่าที่ผู้สมัครตอนนี้ไม่แพ้พรรคไหนเลย และสมมติถ้าพล.อ.ประยุทธ์มาจริงได้ ก็จะได้กระแสบวกอีก ภาคอื่นก็แบบนี้เช่นกัน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า ส่วนกรณีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ตัวผู้สมัคร ทีมงานผู้สมัคร ผู้สนับสนุนในพื้นที่ จะเป็นปัจจัยสำคัญ แต่แน่นอนว่าหากมีกระแสพรรค หรือกระแสตัวผู้นำไปหนุนด้วยก็ยิ่งดี บัตร 2 ใบอาจทำให้ผู้สมัครดีที่ไม่มีกระแสเสียเปรียบน้อยลง ซึ่งพรรคมีศักยภาพในการคัดเลือกตัวดีๆ เพราะคนที่ทำงานการเมืองเป็นคนคัดสรรตัวผู้สมัครให้ เช่น ในภาคใต้เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากกว่า 30-40 ปี

นายเอกนัฏ กล่าวว่า แม้แต่กรุงเทพฯ ก็ดี คิดว่าเปิดตัวผู้สมัครมาจะสมบูรณ์แบบมาก เพราะมีความหลากหลาย ผสมกันอย่างลงตัว คือ เป็นส.ส.เจ้าของพื้นที่เดิม และทำงานร่วมกับคนนอกวงการที่ประสบความสำเร็จ เช่น นักธุรกิจ รวมถึงการแบ่งกันระหว่างเจนเนอเรชั่น มีคนรุ่นใหม่เข้ามาลงในกรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งมี 33 คน ที่ตนดูอยู่ ก็ 90% แล้ว ส่วนอีก 10% ที่ยังไม่เคาะ เพราะเขตหนึ่งมีมาสมัคร 2-3 คน เราก็ต้องคัดเลือกเอาตัวที่ดีที่สุด ขณะที่ภาคใต้บางเขตก็มากกว่า 10 คน ที่ต้องการสมัคร นี่คือเหตุผลทำไมบางคนอยากมาแต่ไม่ได้มา แล้วก็ไปโจมตีกันเป็นธรรมดา

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งในกทม. จะพลิกแบบปี 62 หรือไม่ จากเดิมเป็นของประชาธิปัตย์ และพลิกมาเป็นพลังประชารัฐ นายเอกนัฏ กล่าวว่า หวังว่าปี 66 จะเป็นรวมไทยสร้างชาติ อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งระดับประเทศในกทม. จะไม่เหมือนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพราะนั่นเป็นเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ฐานคะแนนส่วนใหญ่กับผู้สมัคร ในแง่ของความใกล้ชิดมีน้อย ไม่เหมือนกับต่างจังหวัด

ดังนั้น วิธีการตัดสินใจยังอยู่ที่ปัจจัยอื่น นอกเหนือจากตัวผู้สมัคร พรรค ผู้นำ และจุดยืนทางการเมืองจึงสำคัญมาก เมื่อมีการเคาะระฆังเลือกตั้ง จะเห็นว่าคนคิดอย่างไร อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์กว่า 20 คน ครั้งที่แล้วส่วนใหญ่ก็ย้ายไปพลังประชารัฐ วันนี้ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก เชื่อว่านายกฯ กับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมีแรงดึงดูดคนกลุ่มนี้มาไม่มากก็น้อย ซึ่งจะเป็นตัวแปรในผลการเลือกตั้ง คนบอกตกปลาในบ่อเพื่อน ไม่จริง แต่ละคนพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา คนอยู่ในป่าเดียวกัน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า วันนี้เรามองข้ามช็อตไปแล้ว คือ ไปดูพื้นที่ที่เราจะไปช่วงชิงมาได้จากฝั่งตรงข้าม อาทิ เพื่อไทย ก้าวไกล โดยดูภาคกลางและปริมณฑล ทั้งนี้ กลุ่มคนที่เตรียมจะย้ายมากับนายกฯ ที่ถูกประเมินว่า เราจะจูนหากันได้หรือไม่ เชื่อมกันได้หรือไม่ ตนยืนยันว่าส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา ที่มีปัญหาเพราะบางคนไม่ใช่ของจริง ของจริงไม่มีปัญหา

“มันเป็นการแข่งขัน พรรคอื่นอาจจะชนะผมก็ได้ แต่เราไม่สามารถไปกดปุ่มสั่งได้ เพราะในที่สุดคนเลือกคือประชาชน เรามีหน้าที่นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้เท่านั้น เสียงเป็นของประชาชน เลือกใครมาก็เป็นคนนั้น แต่เรามั่นใจว่าสิ่งที่เรานำเสนอ คือสิ่งที่ดีที่สุด” เลขาธิการพรรค กล่าว

นายเอกนัฏ กล่าวว่า สำหรับการวางนโยบายมีความคืบหน้าไปมากพอสมควร โดยมีความคิดเรื่องการแก้กฎระเบียบ กฎหมาย เพื่อวางโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการพัฒนาประเทศ อีกส่วนคือเรื่องการแก้ปัญหาให้ประชาชน กระจายความเจริญ สร้างสังคมที่เท่าเทียม

เมื่อถามว่า การดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่เหลืออีก 2 ปี จะมีผลอย่างไรหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ไม่มีผลต่อพรรค เพราะที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยอายุรัฐบาลก็ไม่ถึงสองปี แต่ขณะเดียวกันก็งงว่าทำไมจึงไปให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ จะ 2 หรือ 3 ปี หากคนเชื่อในตัวนายกฯ ก็เชื่อว่านายกฯ ทำงานได้ ไม่ได้มีผลต่อการตัดสินใจ เมื่อหมดวาระก็มีกลไกในการเลือกผู้นำคนใหม่อยู่แล้ว ตนคิดว่าช่วงเวลา 2 ปี กำลังดีเหมาะสม นายกฯ สามารถสานต่อภารกิจ โดยที่ไม่ได้ติดยึดกับพันธนาการที่เคยมีอยู่ ตนเชื่อว่าหลายเรื่องนายกฯ อยากทำ แต่ที่ผ่านมาทำไม่ได้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ

“แต่ถ้าเปลี่ยนแวดล้อมใหม่ พรรคใหม่ จะเสริมให้นายกฯ สามารถทำสิ่งที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำได้ ต้องเลือกกลุ่มคนหรือพรรคการเมืองที่มีเคมีตรงกัน เช่น นายพีระพันธุ์ โดยมีหลักวิธีคิด จุดยืน ตรงกับนายกฯ ที่ผ่านมานายกฯ อาจจะรู้สึกว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง ยังมีเวลาอยู่อีก 2 ปี ผมว่าเป็นเวลาที่เพียงพอ ที่จะมาสานต่องานที่ทำไว้ ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ ไปต่อได้ ต่อยอดได้” นายเอกนัฏ กล่าว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ