ภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำอีก ย้ำจุดยืนไม่สนับสนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ขณะที่มติรวมไทยสร้างชาติ ยันโหวตพิธาเป็นญัตติเดิมตกไปแล้ว ลั่นแม้เพื่อไทยเสนอแคนดิเดตนายกฯ หากมีก้าวไกลร่วมไม่ขอเทคะแนนให้
พรรคภูมิใจไทยได้มีการประชุมก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ในวันที่ 19 ก.ค.66 โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทองและโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ในที่ประชุมพูดคุยกันในหลากหลายประเด็นแต่ประเด็นหลักๆมีอยู่ 2 ประเด็น 1.ย้ำในจุดยืนของพรรคที่มี 2 ข้อ นั่นคือไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และ 2.คือเราไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ในที่ประชุมที่หารือกันก็ยังยืนยันในหลักการเหมือนเดิมของพรรคภูมิใจไทย
นายภราดร กล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมของทั้งสามฝ่าย มีวุฒิสภา , 8 พรรคร่วมรัฐบาลและ 10 พรรค ซึ่งได้ทราบว่าสามฝ่ายได้มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับเสนอญัตติซ้ำ ในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีว่านะเสนอซ้ำได้อีกหรือไม่ ทางพรรคภูมิใจไทยคิดว่าไม่ควรจะเสนอชื่อคนเดิมขึ้นมาได้ ในตามข้อบังคับในการประชุมร่วมรัฐสภาข้อ41 ที่มีการเลือกไปแล้วแพ้ไปแล้ว และยังกล่าวอีกว่า ทิศทางในวันพรุ่งนี้(19 ก.ค.66) หากมีการหารือกันในเรื่องนี้ทางพรรคภูมิใจไทยได้เตรียมผู้อภิปรายแสดงความเห็นในเรื่องนี้ไว้แล้วแน่นอน
“พวกเรามีความเป็นห่วงต่อสังคมเราจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปิดกั้นทุกวิธีทางที่พรรคการเมืองที่จะแก้มาตรา112 อย่างพรรคก้าวไกลเราไม่เห็นด้วย” นายภราดร กล่าว
เมื่อถามว่าช่วงโค้งสุดท้ายคิดว่าจะมีใครมาเสนอชื่อนายกฯแข่งกับนายพิธาหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า เป็นไปตามจุดยืนของพรรคคือไม่เห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่พรรคอื่นตนไม่ทราบว่าจะมีใครเสนอชื่อแข่งกับนายพิธาหรือไม่
ขณะที่ทางด้าน นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่าที่ประชุมที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคหัวหน้าพรรค เป็นประธานในการประชุม ได้มีการหารือถึงเรื่องญัตติ การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าเป็นญัตติที่ตกไปแล้ว
ซึ่งข้อบังคับซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับ ประชุมสภาข้อที่ 41 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า ถ้าญัตติใดตกไปไม่สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้ ดังนั้นในการประชุมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ ถ้ายังมีการเสนอชื่อนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก พรรครวมไทยสร้างชาติถือว่ายังเป็นสถานการณ์เดิม โดยพรรคได้มอบหมายให้นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานวิป พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค และตน เป็นผู้อภิปรายชี้แจ้ง ถึงเหตุผลที่ไม่สามารถนำญัตติเดิมขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งได้
นายอัครเดช กล่าวว่า หากที่ประชุมสภาฯได้มีมติให้ญัตติเดิมตกไป พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับ 2 เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จุดยืนพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วม จะไม่โหวตให้กับพรรคเพื่อไทย เพราะ ถือเป็นจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติที่จะไม่โหวตให้ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติมีจุดยืนที่ชัดเจนในการปกป้อง 3 สถาบันหลัก ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ส่วนจะเป็นการผลักให้พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวหรือไม่ นายอัครเดช ระบุว่า ไม่สามารถตอบแทนพรรคการเมืองอื่นได้