ย้อนอ่านโพสต์ ‘คุณพ่อแตงโม’ เล่าครอบครัวเรามีกันเพียงแค่สองคนจริงๆ เผยเหตุผลที่บอกว่าครอบครัวเรามีกันเพียงสองคนเท่านั้น
หลังจากดาราสาว แตงโม นิดา พลัดตกเรือจนเสียชีวิต ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและกลุ่มเพื่อนที่รักดาราสาว พร้อมเตรียมจัดพิธีตามศาสนาให้กับแตงโมเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างวันที่ 11-13 มี.ค.
โดยก่อนเมื่อวันที่ 20 ก.ย.63 แตงโม นิดา เพิ่งสูญเสียคุณพ่อโสภณ ที่เสียชีวิตด้วยมะเร็งต่อมลูกหมาก ในวัย 71 ปี ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าแตงโมและคุณพ่อโสภณสนิทกันมาก และอยู่ดูแลกันมา 2 คนตลอด
หากย้อนไปเมื่อปี 2558 “คุณพ่อโสภณ” โพสต์ข้อความเล่าถึงชีวิตที่มีกันเพียงสองคนพ่อลูกว่า “ครอบครัวที่มีกันสองคน ที่บอกว่าครอบครัวเรามีกันเพียงสองคน เพราะได้หย่ากับคุณแม่เขาตั้งแต่น้องโมมีอายุประมาณ 3 ขวบ หลังจากนั้นสองคนพ่อถูกก็ตระเวนอาศัยเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่บ้าง เช่าทาวน์เฮาส์หลังรามอยู่บ้าง ตามประสาพ่อลูกลำพังสองคน
ชีวิตที่ผ่านมา ทุลักทุเลพอสมควร ด้วยคนเป็นพ่อต้องออกไปหางานตามเวลา ปกติกลับบ้านเย็นบ้างค่ำบ้างแล้วแต่งานในความรับผิดชอบจะแล้วเสร็จ ซึ่งแปลว่าระหว่างวันน้องโมต้องอยู่ให้ได้ด้วยตนเอง อาศัยเพื่อนบ้านมาเป็นเพื่อนบ้าง ไม่มีใครเป็นเพื่อนบ้าง ด้วยความรักที่มีให้แก่กันเกินร้อย เราก็ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นมาได้ด้วยดีพอสมควร
ด้วยสภาพข้อเท็จจริงดังกล่าว ผมมีความสามารกเลี้ยงลูกได้ดีเพียงแค่นี้ครับ ที่เหลือเป็นพระพรจากพระเจ้าที่ให้น้องโมแข็งแกร่งและเป็นเด็กมีความคิดดีจึงมีวันนี้ ที่เป็นแตงโมภัทรธิดาที่ท่านทั้งหลายได้รู้จัก ก็โตจากเด็กที่ไม่เคยได้รับการถักเปียไปโรงเรียนจากคุณพ่อเพราะพ่อถักไม่เป็นจนทุกวันนี้”
นอกจากนี้คุณพ่อโสภณ ยังโพสต์อีกว่า “มารู้ทีหลัง ความจริงการเลี้ยงลูกที่ยังเล็กๆ อยู่ โดยมีคุณพ่อเพียงคนเดียวในชีวิต เขาเป็นทุกอย่างของเขา เราจำเป็นต้องพูดความจริงกับเขาทุอย่าง โดยไม่มีปิดปังและต้องพยายามให้เขาเข้าใจ มีเหตุมีผลอย่างมากที่สุด การที่คุณพ่อต้องออกไปทำงานแต่เช้ากลับเย็น โดยไม่ได้อยู่กับเขา ก็พยายามอธิบายให้ฟังว่า เราต้องออกไปทำงาน เพื่อได้เงินเดือนมาเป็นค่าเล่าเรียนค่าขนมของเขา เป็นค่าเช่าบ้านที่ได้อาศัยอยู่กัน
ซึ่งดูเหมือนเขาจะเข้าใจ เพิ่งมาทราบจากพี่เพื่อนบ้านทีแสนดีที่คอยมาเป็นเพื่อนเล่นคอยหาข้าวหาปลาให้น้องโม ตอนคุณพ่อยังกลับไม่ถึงบ้าน เมื่อไม่กี่ปีมานี้ว่า หลายครั้งทีเดียวในตอนเช้าที่คุณพ่อขับรถออกบ้านไปทำงาน น้องโมจะวิ่งร้องไห้ตามรถคุณพ่อไปจนถึงปากซอย ต้องรีบวิ่งตามไปอุ้มกลับมาและไม่บอกให้คุณพ่อทราบ เพราะกลัวจะไม่มีใจไปทำงานเพิ่งมาเล่าให้ฟังเร็วๆนี้ ครับ…ชีวิตเรามีกันสองคนจริงๆ”