“ไม่เด่น ไม่ดัง จะไม่หันหลังกลับไป” วลีติดหูจากเพลง “นักร้องบ้านนอก” ถูกถ่ายทอดโดยนักร้องหญิงผู้ทรงเสน่ห์ และ เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ที่ชาวไทยยกให้เป็นราชินีลูกทุ่ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ยังคงตราตรึงในใจแฟนๆ อย่างไม่ลบเลือน และ หลายต่อหลายคนยึดเอาเสียงเพลงของเธอเป็นกำลังใจ เป็นแรงผลักดันในการต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต
13 มิ.ย. 2535 วันที่แฟนเพลงและวงการลูกทุ่งต้องสูญเสียศิลปินผู้เป็นที่รัก “พุ่มพวง ดวงจันทร์” ไปอย่างไม่มีวันกลับ จนกระทั่งวันนี้เวลาผ่านมาถึง 29 ปี แต่ชื่อและงานเพลงของเธอ ยังคงก้องกังวาลอยู่ในทุกยุค ทุกสมัย ประหนึ่งว่าเธอไม่เคยจากแฟนๆ ไปไหน และคงไม่มากเกินไปถ้าจะบอกว่าไม่มีคนไทยคนไหนร้องเพลง พุ่มพวง ไม่ได้
อะไร คือ ความพิเศษที่ทำให้เด็กสาวจากไร่อ้อยคนนี้กลายเป็นราชินีลูกทุ่ง กลายเป็นแม่แบบของนักร้องรุ่นหลัง และ กลายเป็นนักร้องหนึ่งในดวงใจของแฟนๆ ได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วันนี้เราจะไปเปิดความพิเศษของ ดวงจันทร์ ดวงนี้กัน
หากจะพูดถึงความพิเศษของ “ราชินีผึ้ง” คนนี้แล้ว สิ่งแรกที่หลายคนอาจจะเคยทราบกันมาบ้างนั่นคือ “อ่านหนังสือไม่ออกแต่สามารถจำเนื้อเพลงได้อย่างแม่นยำ ร้องเพลงไว้กว่าพันบทเพลง”
เนื่องจากสมัยก่อนพุ่มพวง หรือ ผึ้ง–รำพึง จิตรหาญ เป็นลูกสาวชาวไร่อ้อย จ.สุพรรณบุรี ด้วยฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวย และค่อนข้างลำบาก ทำให้ผึ้งที่มีพี่น้องรวม 12 คน ตนเองเป็นลูกคนที่ 5 ได้เรียนจบเพียงชั้น ป.2 หลังจากนั้นได้ออกมาทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
แต่การอ่านหนังสือไม่แตกฉาน ไม่ใช่ปัญหาในการร้องเพลงของผึ้ง เพราะเธอมีความจำที่แม่นยำ จดจำเนื้อเพลงจากการฟัง เพียงไม่กี่รอบก็ร้องได้ หลายคนเรียกสิ่งนี้ว่า “พรสวรรค์” แต่หากจะมองว่าสิ่งนี้ คือ ความมุ่งมั่น และ ตั้งใจ ก็ไม่ผิดอะไร
ความพิเศษเรื่องต่อมาของ พุ่มพวง ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็ คือ “เสียงร้องฟ้าประทาน ที่มาพร้อมลีลาเด็ดดวง ทำให้เพลงกลายเป็นเพลงที่มีชีวิต”
ทุกเพลงที่ผ่านปากของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ กลายเป็นเพลงที่มีชีวิต เพราะแฟนๆ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลีลา น้ำเสียง หรือ ที่สมัยนี้เรียกว่าอินเนอร์ของเธอนั้น สามารถดึงให้คนฟังเข้าไปอยู่ในเพลงได้จริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้า ก็ถ่ายทอดความรันทดเรียกน้ำตาได้ง่ายๆ หรือ จะเป็นเพลงเร็ว ก็ใส่เสียง ออดอ้อน ขี้เล่น หยอกเย้าจนต้องโยกตามแบบห้ามไม่อยู่ บวกกับลีลาการโยกย้าย เต้นพริ้วไหวของเธอ คือ จุดเด่นของเธอที่แม้จะมีคนนำเพลงของเธอมาร้องใหม่อีกกี่เวอร์ชั่นก็ไม่มีทางทำให้แฟนๆ ลืมต้นฉบับได้แน่นอน
นอกจากนี้ พุ่มพวง ยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ด้วยการพลิกโฉมวงการลูกทุ่ง “พาลูกทุ่งเข้าสู่เเมืองกรุง”
ความโดดเด่นอีกหนึ่งเรื่องของพุ่มพวง หรือ เพลงพุ่มพวง คือ การที่เธอพลิกโฉมเพลงลูกทุ่งจากสิ่งที่ถูกมองว่าเชย ความรันทด ให้กลายเป็นความทันสมัย ด้วยการนำเสนอแนวเพลงลูกทุ่งแบบใหม่มีความกล้า ความสนุกสนาน เซ็กซี่ เป็นสาวสมัยใหม่มากขึ้น เช่น ผู้ชายในฝัน, อื้อฮือหล่อจัง, หนูไม่รู้, หนูไม่เอา, กระแซะเข้ามาสิ, พี่ไปดูหนูไปด้วย, ฉันเปล่านาเขามาเอง, ห่างหน่อยถอยนิด และอีกมากมาย ทำให้เข้าถึงคนสมัยใหม่ได้มากขึ้น
ในยุคสมัยที่ลูกทุ่งซบเซา พุ่มพวง กลับสามารถพาเพลงลูกทุ่งขึ้นโชว์บนเวที “โลกดนตรี” เวทีคอนเสิร์ตของคนกรุงได้และเป็นศิลปินลูกทุ่งคนแรกที่ได้ขึ้นเวทีนี้ มีแฟนๆ มาชมแน่นขนัดทุกรอบ และ พุ่มพวง ยังพาเพลงลูกทุ่งขึ้นเล่นคอนเสิร์ต ที่ โรงแรมดุสิตธานี ซึ่งสมัยนั้นเป็นสถานที่ของคนมีฐานะเท่านั้นที่จะได้สัมผัส จนกลายเป็นตำนานคอนเสิร์ต “ชุดลายเสือ” ที่แฟนๆ จำไม่ลืม
นอกจากความใส่ใจในการร้องแล้วสิ่งที่ประทับใจแฟนเพลง คือ “เสื้อผ้า หน้าผม จัดเต็ม ทุกโชว์ ทุกเวที ไม่ทำให้ผิดหวัง”
ยุคก่อนเพลงลูกทุ่งต้องมาพร้อมภาพความเลื่อม ความฟูฟ่อง ความขนนก หรือ ความไม่ค่อยทันสมัย แต่ไม่ใช่ลูกทุ่งของพุ่มพวง เพราะเธอถูกยกให้เป็นเจ้าแม่แฟชั่นเบอร์ต้นๆ พลิกโฉมการโชว์แบบไม่มีคำว่าเชยอีกต่อไป แต่ละครั้งที่ทำการแสดงไม่เคยทำให้ผู้ชมผิดหวัง ใช้รถถึง 11 คัน ในการขนของ ทุ่มหนักแบบที่เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ใส่เสื้อตัวละหมื่นกว่าบาทโชว์ แต่ไม่เคยขึ้นค่าตั๋วคนดู แบบนี้จึงทำให้ทุกครั้งที่เธอแสดง แฟนๆ จึงล้นหลามจน “วิกแตก” ทุกงาน
และสุดท้ายที่คิดว่าเป็นส่วนสำคัญที่พุ่มพวงใช้ตรึงใจแฟนเพลงของเธอไว้นานเท่านานนั่นคือ “ความจริงใจ”
เป็นที่รู้กันว่าศิลปินยุคก่อนกับการออกมาเปิดเผยเรื่องครอบครัวนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ไม่ใช่สำหรับราชินีผึ้งคนซื่อ ในวันที่เธอตัดสินใจใช้ชีวิตครอบครัวกับสามี เธอเลือกที่จะเปิดเผยกับแฟนเพลงของเธออย่างตรงไปตรงมา และขอให้แฟนเพลงรักในผลงานของเธอ ไม่ใช่รัก หรือ ไม่รักเพราะเธอมีครอบครัวหรือไม่ ทำให้ผลออกมา คือ กระแสของเธอไม่ได้ตกลงไป แต่กลับได้รับความนิยม ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ เช่นเดิม
นอกจากนี้ในวันที่เธอล้มป่วยด้วย โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) จนตัวบวม ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล เธอยังขออนุญาตแพทย์ออกมาทำการแสดงให้แฟนๆ ที่รอหน้าเวทีได้ชม ด้วยเพราะไม่อยากให้แฟนๆ ต้องมารอเก้อ โดยบอกกับแฟนๆ อย่างตรงไปตรงมาว่าเธอไม่สบายแต่ก็เต็มที่ถึงขั้นยืนร้องไม่ไหว ก็นั่งร้อง เรียกว่าสู้เพื่อแฟนๆ อย่างเต็มความสามารถ
สิ่งที่นำมาเสนอในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในตัวราชินีลูกทุ่งผู้ล่วงลับ ยังมีหลายต่อหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ล้มลุกคลุกคลานมานับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายสิ่งที่ราชินีผึ้งคนนี้ได้ฝากเอาไว้ในใจแฟนๆ นั่น คือ “ความสุข” จากบทเพลง จากการโชว์ของเธอ ให้ได้จดจำกันว่าครั้งหนึ่งลูกทุ่งไทยได้มี “ราชินีลูกทุ่ง” ที่ชื่อ “พุ่มพวง” ดวงจันทร์”
แม้วันนี้กายพุ่มพวงจะจากไปแล้วแต่เพลงของเธอยังขับกล่อมแฟนๆ ไม่เคยจางหาย อย่างที่เธอฝากเสียงร้องเอาไว้ว่า “นักร้องบ้านนอกคนนี้จะกล่อมน้องพี่ และ แฟนเพลง”