ย้ง ทรงยศ เปิดตัวบริษัทใหม่ ลุยปั้นศิลปินไอดอล ที-ป๊อป หวังดันโกอินเตอร์ – ฟาก ปิง เกรียงไกร นั่งแท่นดูงานโปรดักชั่น
ฤกษ์งามยามดี ย้ง ทรงยศ สุขมากอนันต์ นำทีมเปิดตัว บริษัท ทาดา เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด พร้อมแนะนำผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง แท๊ด รดีนภิส โกสิยะจินดา, ปรุง ทัชระ ล่องประเสริฐ และ ปิง เกรียงไกร วชิรธรรมพร ที่ ร้าน Ma Maison เพลินจิต วันก่อน
ที่มาของการเปิดบริษัทใหม่? ย้ง – เราทำนาดาวบางกอกมาตั้งแต่เริ่มต้นจากการที่ดูแลน้องๆ นักแสดงให้กับบริษัทจีดีเอช พอเราดูแลนักแสดงแล้วก็อยากทำงานโปรดักชั่นของเราด้วย ตลอดระยะเวลา 12 ปีกว่าๆ เด็กๆ หลายคนเริ่มเติบโตและมีความแข็งแรง รวมถึงล้วนมีสิ่งที่ตัวเองอยากทำในแบบของตัวเอง
ในขณะที่ฝั่งพี่ๆ ผู้ใหญ่ก็มานั่งคุยกันพบว่าต่างคนต่างก็มีความชอบใหม่ๆ คือไม่ใช่ว่าหมดความสนุกกับสิ่งเก่า แต่มีสิ่งที่สนใจใหม่ที่เราอยากจะลองไปต่อกันเหมือนกับน้องๆ นักแสดงเก่าเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเราก็คลี่คลายอันเก่าแล้วก็ไปเริ่มสร้างสิ่งใหม่ๆ ของตัวเองกัน โดยที่ในการสร้างสิ่งใหม่ๆ นั้นเราก็ยังทำงานแจมกันอยู่ในหลายๆ พาร์ตที่เป็นเบื้องหลัง
แบ่งการดูแลยังไงบ้าง? ย้ง – ทาดา เป็นบริษัทแม่ มีที่มาจากคำที่เราออกเสียงว่า ท้าดา…ประมาณว่าอยากจะเปิดตัวหรือภูมิใจนำเสนออะไรกับใคร ตอนที่มีน้องๆ มาเสนอชื่อนี้แล้วเราชอบเพราะว่าพอเป็นบริษัทแม่ที่มีบริษัทลูกๆ ซึ่งมีงานที่แตกต่างกันออกไป ทั้งศิลปินไอดอล โปรดักชั่น หรือว่าวันหนึ่งอาจจะกลับมามีนักแสดงก็ได้ในอนาคต มันลงตัวในชื่อนี้ว่า ทาดา ครับ
ในส่วนบริษัทลูก ฝั่งที่ผมดูแลคือ ซันเรย์ มิวสิค จะเป็นบริษัทที่ดูแลศิลปินไอดอลผู้ชาย และ ไอลี่ แล็บ เป็นบริษัทที่ดูแลศิลปินผู้หญิง ที่ต้องแยกเป็นผู้ชายผู้หญิงเพราะจากประสบการณ์ที่เคยดูแลน้องๆ นักแสดงที่ผ่านมา เราคิดว่าวิธีการดูแลน้องผู้หญิงกับน้องผู้ชายค่อนข้างแตกต่างกัน แต่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการทำงานเพราะเราจะทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ส่วน 5×6 เฮาส์ เป็นบริษัทโปรดักชั่น ซึ่งปิง(เกรียงไกร)ยังหลงใหลในการทำคอนเทนต์อยู่ เลยเป็นที่มาที่ปิงเปิดเฮาส์นี้ขึ้นมา
ทาดา จะมีการปั้นศิลปินนักแสดงใหม่อยู่ไหม? ย้ง – ถ้าพูดถึงความชัดเจนในวันนี้ที่เราโฟกัสอยู่คือศิลปินไอดอลเป็นหลัก ไอดอลในความหมายของเราคือศิลปินที่ต้องมีการกรูมมิ่ง ต้องช่วยกันทำให้เขามีภาพลักษณ์และความสามารถที่ดี เราได้ลองติดตามศิลปินไอดอลต่างประเทศแล้วชื่นชอบในมาตรฐานของเขา เลยรู้สึกว่ามันน่าสนุกดีถ้าเกิดว่าวันนี้เราจะลงมาทำงานศิลปินที-ป๊อปไทยของเรา แล้วทำให้ได้ไปถึงมาตรฐานนั้น สิ่งที่เราอยากทำคือที-ป๊อปแต่อยากพาที-ป๊อปโกอินเตอร์ครับ
คำว่าโกอินเตอร์คือไปเกาหลี หรือไปทั่วโลก? ย้ง – อย่างแรกคือเราอยากทำศิลปิลที-ป๊อปให้คนไทยฟังก่อนครับ แต่เราก็ไม่อยากจำกัดแค่ให้คนไทยฟัง อยากพาที-ป๊อปออกไปสู่ระดับสากลด้วย ทีนี้สากลสำหรับเราก็คือไปทั้งหมด ไม่ได้ตั้งใจจะไปแค่ประเทศใดประเทศหนึ่ง
แรงบันดาลที่ทำให้อยากปั้นศิลปินไอดอล? ย้ง – ตอนเด็กๆ เราก็จะกลัว ทำงานแต่สิ่งที่เราถนัด เช่นตอนกำกับแฟนฉันเสร็จใหม่ๆ ก็จะมีคนชวนไปทำละคร เราก็จะกลัวว่าทำไม่ได้หรอก แต่พอวันหนึ่งเราลองเปิดประตูบานใหม่ๆ แล้วค้นพบว่าประตูเหล่านั้นพาเราไปหาประสบการณ์ที่สนุก เวลาทำอะไรใหม่ๆ มันทำให้อะดรีนาลีนเราหลั่ง ซึ่งตอนนี้ศิลปินไอดอลที่เรากำลังจะทำมันทำให้เรารู้สึกแบบนั้น เลยอยากลองมาทำสักตั้งหนึ่งก็น่าจะเป็นช่วงสุดท้ายของการทำงานของตัวเองแล้วมั้ง(หัวเราะ)
มีวิธีสกรีนหรือคัดน้องๆ ที่จะมาเป็นศิลปินไอดอลยังไง เพราะปัจจุบันศิลปินไอดอลหน้าใหม่หลายคนถูกขุดคุ้ยอดีต จนบางคนหมดอนาคตไปเลย? ย้ง – ไม่ต้องศิลปินไอดอลตอนนี้เลย ตั้งแต่สมัยนาดาวบางกอกพวกเราก็ทำสิ่งนี้อยู่แล้ว แต่อย่าเรียกว่าสกรีนเลย ถ้าเราจะชวนน้องๆ คนไหนเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดหรือเป็นนักแสดงฝึกหัด เราก็ต้องรู้จักเขาให้มากในระดับที่เราจะรู้ได้ในตอนนั้น อย่างตอนฮอร์โมนเน็กซ์เจนเราก็ส่องไอจีไล่ไปหมด ดูไอจีน้องเขาปุ๊บ มีเพื่อนเป็นคนนี้ๆ ก็ตามไอจีเพื่อนเขาไปอีก
ไม่ใช่ว่าเราจะสกรีนอะไร แต่เราแค่อยากรู้จักน้องก่อนที่จะตัดสิดใจว่าเขาใช่ศิลปินที่ตรงกับสิ่งที่เรามองเห็นหรือเปล่า ซึ่งก็ทำให้เรารู้ว่าน้องแต่ละคนมีคาแร็กเตอร์แบบไหน ไลฟ์สไตล์ยังไง แต่ไม่ได้ถึงขั้นปิดกั้นว่าเด็กที่ดูมีความแสบซ่าแล้วเราจะไม่รับ
จริงๆ เด็กหลายคนเติบโตมาอาจจะเริ่มต้นจากการที่ยังไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ เพราะช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ค้นหาตัวเอง บางคนบุคลิกยังไม่ลงตัว ความสามารถยังไม่ใช่ แต่ว่าน้องเขาอดทนในการที่จะขัดเกลาและให้เวลาในการพัฒนาตัวเอง
คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าคนที่จะมาเป็นศิลปินไอดอลต้องขาวสะอาด ส่วนตัวเรามองเรื่องนี้ยังไง? ย้ง – จริงๆ เขาน่าจะต้องเป็นมีทัศนคติที่ดี แต่ขาวสะอาดระดับไหนส่วนตัวมองว่าช่วงชีวิตที่เป็นเด็กวัยรุ่นมันก็ต้องมีการลองผิดลองถูกบ้าง แล้วเราก็จะเรียนรู้และเติบโตจากประสบการณ์ในอดีต หลายๆ ครั้งเราอาจจะผิดพลาด แต่การผิดพลาดครั้งนั้นเผลอๆ อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเรียนรู้และเติบโตได้ที่สุด
เราเลยไม่ได้มีปัญหากับการที่ถ้าจะมีเด็กบางคนที่ในอดีตเคยผิดพลาด แต่ถ้าเกิดเราได้พูดคุยและเห็นทัศนคติเขาแล้วรู้สึกว่าเขาดูเป็นเด็กที่น่าจะเข้าใจและพัฒนาไปต่อได้ ฉะนั้นทัศนคติเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งมันจะรู้จากการที่เราได้พูดคุยและใช้ชีวิตอยู่กับเขาสักระยะหนึ่ง
จริงๆ ตอนนาดาวเวลาเข้ามาปุ๊บน้องๆ ก็จะเป็นนักแสดงกันเลย พอมาเป็นตอนที่เราทำศิลปินไอดอลมันก็จะมีช่วงเวลาที่เรียกว่าเป็นศิลปินฝึกหัด บางทีการแค่นั่งสัมภาษณ์หรือออดิชั่นเราอาจจะไม่ได้รู้จักกันขนาดนั้น แต่พอได้เริ่มต้นเทรนด้วยกันในช่วงปีครึ่งถึงสองปี ทำให้มองเห็นว่าเขาเป็นเด็กแบบที่เราคิดว่ามองเห็นเขาในการทำงานต่อด้วยกันไหม
โปรเจ็กต์เเรกเริ่มช่วงไหน? ย้ง – โปรเจ็กต์แรกที่ทางทาดาจะนำเสนอคือศิลปินไอดอลหญิง MXFRUIT(มิกซ์ฟรุต) ประกอบไปด้วยเมมเบอร์ 5 คน เตรียมเดบิวต์ซิงเกิลแรกเดือนมีนาคมนี้ ส่วนศิลปินไอดอลชาย 789 TRAINEE คือเราจะทำรายการ 789 SURVIVAL แล้วก็มีเทรนนี 24 คนเข้ารายการ ซึ่งออนแอร์ทางช่องวัน ประมาณกลางปีนี้ ถามว่าค้นหาเด็กมาจากไหน ส่วนหนึ่งคือน้องๆ มาสมัครตอนประกาศรับสมัคร อีกส่วนหนึ่งคือมีทีมงานสอดส่องเด็กๆ ตามโซเชียลมีเดีย
แล้วในส่วนของโปรดักชั่นจะเห็นซีรีส์หรือภาพยนตร์บ้างไหม? ปิง – ตอนนี้ก็มีโปรเจ็กต์ที่ปั้นไว้อยู่ประมาณ 2-3 โปรเจ็กต์ที่น่าจะได้เห็นภายในเร็วๆ นี้ ซีรีส์เรื่องแรกที่น่าจะเป็นรูปธรรมจริงๆ อย่างน้อยน่าจะมาปีหน้าเลย แต่ว่าถ้าเป็นงานที่สเกลสั้นๆ ลงมาหน่อยอันนี้น่าจะได้เห็นอย่างต่อเนื่อง สิ้นเดือนนี้ก็จะมีงานแรกที่เราคอลแลบกับแบรนด์พาร์ตเนอร์ของเรา ซึ่งเป็นชอร์ตคอนเทนต์ดูสั้นๆ แล้วก็จบไป ต้องบอกว่าฟอร์แมตนี้เป็นแนวทางที่เราเองก็ยังไม่เคยลอง
ผมรู้สึกว่าเราทำซีรีส์แบบที่เราคุ้นเคยมาหลายครั้ง ใจเราก็อยากทำอันนั้นต่อแหละ แต่เราอยากลองหาพื้นที่ใหม่ๆ บ้าง ทุกวันนี้ในทางการทำคอนเทนต์มันเป็นอะไรก็ได้แล้วจริงๆ อย่างที่เห็นกันว่าบางทีสิ่งที่มันดังมากๆ มันไม่ได้เป็นลองฟอร์มซีรีส์ อันนี้แหละเป็นพื้นที่ที่เรารู้สึกว่าเราอยากใช้ 5×6 เฮาส์พาตัวเองไปเจอกับความสนุกใหม่ๆ แล้วก็อยากสร้างคนทำงานรุ่นใหม่ๆ ด้วย เพื่อที่จะมาเจอทิศทางใหม่ๆ ในการทำงาน
ฉีกแนวไปจากเดิมไหม หรือเป็นลายเซ็นที่คล้ายเดิม? ปิง – เรื่องลายเซ็นหรือรสนิยมมันมาพร้อมคนทำงาน อย่างซีรีส์นาดาวทุกเรื่องที่ผ่านมาผมมีส่วนร่วมหมดไม่ว่าจะเขียนบท กำกับ โปรดิวซ์ แล้วมันคงติดตัวอัตโนมัติคงเลี่ยงไม่ได้ว่ามันเป็นรสชาติที่เราคุ้นเคย แต่พอเราจะมีคนทำงานหน้าใหม่ๆ มาผสมด้วย ผมรู้สึกว่าอันนี้แหละที่จะเกิดเคมีใหม่ๆ และผู้กำกับหน้าใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอีก ฉะนั้นอะไรที่ยังคุ้นเคยกันอยู่น่าจะได้ดูอยู่ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะพาพื้นที่ใหม่ๆ ด้วย
ความคาดหวัง ความกดดัน เป็นอย่างไรกับการทำบริษัทใหม่? ย้ง – อาจจะเป็นเพราะเราทำงานมาสักระยะหนึ่ง รวมถึงอยู่ในช่วงปลายๆ ของการทำงานแล้วก็เลยไม่ได้มองอะไรเป็นความกดดันเลย มองทุกอย่างเป็นความสุข ถ้าทำอะไรแล้วไม่มีความสุขก็จะขอเลือกไม่ทำในช่วงเวลานี้ สุดท้ายก็ขอฝากทาดาฯ ด้วย ฝากน้องๆ ศิลปินไอดอลทุกคน จากที่ทำงานกับน้องๆ มาเชื่อมั่นมากๆ เลยว่าทุกคนตั้งใจมากๆ กับโปรเจ็กต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น