ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 เวียนมาบรรจบกันอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้นจากทัวร์นาเมนต์ก่อนเนื่องจากปัญหาโควิด-19 ทำให้การแข่งขันยูโร 2020 ต้องเลื่อนไปทำการแข่งขันในกลางปี 2021 ที่ผ่านมา
อย่างที่ทราบกันว่าหนล่าสุด อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์เหนือ อังกฤษ ชนิดที่บุกไปเอาชนะในรอบชิงชนะเลิศถึงเวมบลีย์จากการดวลจุดโทษชี้ขาด ซึ่งปีนี้แชมป์เก่านั้นจัดว่าเจองานยากสุดๆ เพราะมีทั้ง สเปน และ โครเอเชีย อยู่ร่วมสายในรอบแบ่งกลุ่ม
ยูโร 2024 แข่งขันที่ไหน?
เยอรมนี ได้สิทธิ์ในการจัดการแข่งขันในปีนี้จากผลโหวตที่เอาชนะ ตุรกี ไป 12 จาก 17 เสียงเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา โดยจะใช้สนามแข่งขันกันทั้งสิ้น 10 สนามประกอบด้วย
– โอลิมปิกสตาดิโอน (เบอร์ลิน)
– อัลลิอันซ์ อารีนา (มิวนิค)
– ซิกนัล อิดูนา พาร์ค (ดอร์ทมุนด์)
– เมอร์ซิเดส เบนซ์ อารีนา (สตุตการ์ท)
– อารีนา อัฟชาลเก (เกลเซนกีร์เชน)
– ดุตเช แบงค์ พาร์ค (แฟรงค์เฟิร์ต)
– โวล์คพาร์คสตาดิโอน (ฮัมบูร์ก)
– เมอร์คูร์ สเปล อารีนา (ดุสเซลดอร์ฟ)
– รีนเอเนจี สตาดิโอน (โคโลญจน์)
– เรดบูลล์ อารีนา (ไลป์ซิก)
ยูโร 2024 แข่งขันเมื่อไหร่?
ตามโปรแกรมเกมนัดเปิดสนามจะลงทำการแข่งขันกันในวันที่ 14 มิถุนายน และสิ้นสุดลงในวันที่ 14 กรกฎาคม 2024 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นช่วงระหว่างปิดฤดูกาลของบรรดาลีกยักษ์ใหญ่ในทวีปยุโรป
โดยเกมเปิดสนามจะเริ่มในคืนวันที่ 14 มิถุนายน 2024 เวลา 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย เป็นเกมระหว่าง เยอรมนี เจ้าภาพพบกับ สกอตแลนด์ ที่อัลลิอันซ์ อารีนา
ยูโร 2024 คัดเลือกทีมเข้าแข่งขันอย่างไร?
ในที่นี้จะมีทั้งหมด 24 ทีมในการแข่งขันรอบสุดท้าย โดยเจ้าภาพจะได้สิทธิ์เข้าแข่งขันโดยอัตโนมัติ ทำให้เหลืออีก 23 ทีมที่ต้องไปคัดเลือกกันต่อ
รอบคัดเลือกมีทั้งหมด 53 ชาติที่เข้าแข่งขันโดยแบ่งเป็น 10 กลุ่ม คือ กลุ่มละ 5 ทีม 7 กลุ่ม และ กลุ่มละ 6 ทีม 3 กลุ่ม แข่งแบบเหย้า-เยือนพบกันหมดภายในกลุ่ม โดยอันดับ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่มจะผ่านเข้ามาเล่นในรอบสุดท้ายทันที ขณะที่โควตา 3 ทีมที่เหลือจะต้องมาเพลย์ออฟกันในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยคัด 12 ทีมที่ผลงานดีที่สุดในยูฟา เนชันส์ ลีก 2022/23 ที่ยังไม่ผ่านเข้ารอบมาคัดเลือกหาอีก 3 ทีมเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย
การเพลย์ออฟจะมีการแบ่งทั้ง 12 ชาติออกเป็น 3 สาย สายละ 4 ทีม โดยจะประกบคู่แบบน็อกเอาต์ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีผู้เข้ารอบสายละ 1 ทีมเท่านั้น ซึ่งแต่ละสายจะมีการประกบคู่ดังนี้
สายที่ 1 : โปแลนด์ – เอสโตเนีย พบ เวลส์ – ฟินแลนด์
สายที่ 2 : อิสราเอล – ไอซ์แลนด์ พบ บอสเนีย – ยูเครน
สายที่ 3 : จอร์เจีย – ลักเซมเบิร์ก พบ กรีซ – คาซัคสถาน
แต่ละกลุ่มใน ยูโร 2024 รอบสุดท้าย
การจับสลากรอบแบ่งกลุ่มยูฟา ยูโร 2024 จัดขึ้นในกรุงฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยทีมชาติอังกฤษ ขวัญใจชาวไทยถูกจับอยู่ใน กลุ่มซี ร่วมกับ เดนมาร์ก, สโลวีเนีย และ เซอร์เบีย
ซึ่งเกณฑ์การเข้ารอบจะเอา 2 ทีมที่ดีที่สุดของทุกกลุ่ม พร้อมกับอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 ทีม เข้าสู่รอบน็อกเอาต์ต่อไป
กลุ่ม เอ
เยอรมนี
ฮังการี
สกอตแลนด์
สวิตเซอร์แลนด์
กลุ่ม บี
สเปน
อัลแบเนีย
โครเอเชีย
อิตาลี
กลุ่ม ซี
อังกฤษ
เดนมาร์ก
สโลวีเนีย
เซอร์เบีย
กลุ่ม ดี
ฝรั่งเศส
ออสเตรีย
เนเธอร์แลนด์
(ผู้ชนะการเพลย์ออฟระหว่าง โปแลนด์ / เอสโตเนีย / เวลส์ / ฟินแลนด์)
กลุ่ม อี
เบลเยียม
โรมาเนีย
สโลวะเกีย
(ผู้ชนะการเพลย์ออฟระหว่าง อิสราเอล / ไอซ์แลนด์ / บอสเนีย / ยูเครน)
กลุ่ม เอฟ
โปรตุเกส
ตุรกี
สาธารณรัฐเช็ก
(ผู้ชนะการเพลย์ออฟระหว่าง จอร์เจีย / ลักเซมเบิร์ก / กรีซ / คาซัคสถาน)
ยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าตามโปรแกรม รอบชิงชนะเลิศจะลงทำการแข่งขันกันในวันที่ 14 กรกฎาคม 2024 ณ สนาม โอลิมปิกสตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน รังเหย้าของสโมสรดังอย่าง แฮร์ธา เบอร์ลิน
วันแข่งขัน : 14 กรกฎาคม 2024
เวลาแข่งขัน : 02:00 น. ตามเวลาประเทศไทย
สนาม : โอลิมปิกสตาดิโอน
เมือง : เบอร์ลิน
ความจุ : 74,461
โดยสนามแห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับกับการแข่งขันโอลิมปิกในปี 1936 ภายใต้คำสั่งของผู้นำอย่าง อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ณ เวลานั้น ซึ่งเคยใช้ในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆมาแล้วมากมาย ตั้งแต่ ฟุตบอลโลก ปี 1974, ฟุตบอลโลก ปี 2006 และยังเคยใช้เป็นสนามแข่งขันรอบชิงชนะเลิศยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อปี 2015 อีกด้วย