ยูเวนตุส, ซิตี้, ยูไนเต็ด และ โรนัลโด้ : ดีลอลวน 24 ชั่วโมงที่ความโรแมนติกเป็นฝ่ายชนะ

Home » ยูเวนตุส, ซิตี้, ยูไนเต็ด และ โรนัลโด้ : ดีลอลวน 24 ชั่วโมงที่ความโรแมนติกเป็นฝ่ายชนะ
ยูเวนตุส, ซิตี้, ยูไนเต็ด และ โรนัลโด้ : ดีลอลวน 24 ชั่วโมงที่ความโรแมนติกเป็นฝ่ายชนะ

6 ชั่วโมงเท่านั้น คือช่วงเวลาที่ชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะแถวหน้าของโลกปรากฏพร้อม ๆ กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมเก่าของเขา และนั่นก็มากพอจะทำให้เป็นการปิดดีลนักเตะเวิลด์คลาสที่น่าจะใช้เวลาน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

“คริสเตียโน่ กลับบ้าน” กลายเป็นวลีฮิตในโลกโซเชียลทันที ภายใต้ความเร็วในการย้ายทีมระดับปีศาจ กับการซื้อขายที่ไร้สัญญาณเตือน มีเรื่องราวมากมายอยู่เบื้องหลัง 

ทำไม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จึงลงเอยที่บ้านหลังเก่าของเขา ? … ติดตามได้ที่ Main Stand

ออกจากยูเว่เพราะอะไร ? 

ทุกคนรู้ดีว่าการย้ายทีมจาก เรอัล มาดริด มาที่ ยูเวนตุส ในปี 2018 คือการเริ่มหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของ โรนัลโด้ เขามาที่นี่เพื่อพาทีมม้าลายคว้าแชมป์ยุโรปที่ขาดหายไปตั้งแต่ปี 1996 ขณะที่สโมรก็เพิ่งทำการรีแบรนด์ใหม่ และต้องการซูเปอร์สตาร์มายืนยันทิศทางของสโมสรว่าจะไปข้างหน้า ต่างฝ่ายต่างมีสิ่งที่ต้องการ และพวกเขาก็ตอบแทนกันและกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ

โรนัลโด้ อาจจะได้ถ้วยรางวัลน้อยไปนิด แต่ผลงานส่วนตัวไม่เคยตกหล่น เขายังถูกยกให้เป็นยอดนักเตะไม่เปลี่ยนแปลง 101 ประตูจาก 134 นัด คือสถิติที่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ ขณะที่ ยูเวนตุส เติบโตในแง่ของการตลาด ต่างฝ่ายต่างได้ แต่พวกเขากลับรู้ว่า แท้จริงแล้วพวกเขาควรได้อะไรยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ 

ยูเวนตุส ควรได้อะไร ? … ชัดเจนมาก ๆ ตั้งแต่วันที่คว้า โรนัลโด้ พวกเขาอยากได้แชมป์ยุโรปที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่หลายปี เข้าถึงรอบชิงก็เคย รอบรองชนะเลิศก็ไม่น้อย แต่เมื่อพวกเขามีโรนัลโด้ ยูเวนตุส แทนที่จะไปถึงเป้าหมายแต่กลับไม่เคยเข้าใกล้เลย พวกเขาไม่สามารถไปถึงแม้กระทั่งรอบ 4 ทีมสุดท้ายด้วยซ้ำ

 

ทุกคนเข้าใจดีว่าโทษ โรนัลโด้ ไม่ได้ แต่ทีมซื้อเขามาเพื่อสิ่งนี้ มันก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะหวังให้ โรนัลโด้ ผู้เป็น “บิ๊กเกมเพลเยอร์” แบกทีมไปให้ถึงฝั่งฝัน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าพวกเขากำลังมาถูกทาง 

โรนัลโด้ ควรได้อะไร ? … ยูเวนตุส คือทีมที่ดีที่สุดในอิตาลีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่สิ่งที่ โรนัลโด้ ควรได้มากกว่านั้น คือการอยู่ในสภาพที่ตัวเอง “ขายได้” รักษามูลค่าตัวเองให้เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยมเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด ทว่าในแง่ของการตลาด ยูเวนตุส ถือว่าเป็นทีมที่มีฐานแฟนคลับน้อยกว่า มีรายได้ต่อปีน้อยกว่า มีความนิยมในระดับโลกน้อยกว่า ทีมอย่าง เรอัล มาดริด หรือแม้กระทั่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เขาเคยจากมา

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ โรนัลโด้ ต้องการเสมอ คือเรื่องของการยอมรับและการให้ความเคารพ ซึ่งที่ตูริน นับวันสิ่งเหล่านี้ยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ เมื่อ โรนัลโด้ ทำสิ่งที่ทีมต้องการไม่ได้ ทุกคนก็เริ่มจะด้อยค่าเขาและบอกว่าเขาคือ “ส่วนเกิน” หรือจะใช้คำให้หนักหน่อยก็คือ “เป็นนักเตะที่ไม่ควรเก็บไว้ในทีม” มีแล้วสร้างแต่ปัญหา ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ โรนัลโด้ เคยได้รับคอมเมนต์ลักษณะนี้

The Athletic สื่อดังที่มาแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมารายงานว่า “โรนัลโด้ ไม่มีความสุขที่นี่ และเขาคิดว่าการย้ายมา ยูเวนตุส คือสิ่งที่ผิดพลาด” … นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง 

“โรนัลโด้ ไม่ใช่คนเดิมกับเมื่อสัก 4 ปีก่อน ยูเวนตุส เซ็นสัญญาดึงเขามาเพื่อหวังโทรฟี่ แชมเปี้ยนส์ ลีก และต้องเจอความล้มเหลว คุณหาโค้ชคนใหม่เข้ามา แล้วยังเจอเขาขวางทางการทำทีมอยู่” อันโตนิโอ คาสซาโน่ อดีตนักเตะทีมชาติอิตาลีว่าเช่นนั้น

 

และถ้าหากคำพูดของ คาสซาโน่ ยังไม่หนักแน่นพอ … หลังจากนั้นไม่นาน จิโอวานนี่ จิกลี่ อดีตประธานสโมสร ยูเวนตุส ก็เพิ่งวิจารณ์ โรนัลโด้ ก่อนที่ซีซั่น 2020-21 จะเริ่มขึ้นว่า โรนัลโด้ คือของสิ้นเปลืองและเป็นการลงทุนที่บอร์ดบริหารต้องรับผิดชอบ เพราะไม่ได้ช่วยทำให้ทีมดีขึ้นเลย 

“สำหรับ โรนัลโด้ เขาเป็นตัวเลือกที่แพงมากตั้งแต่เริ่มต้น … เขาเป็นตัวเลือกที่ผิดหรือไม่น่ะเหรอ ? … ใช่แน่นอน ผมบอกว่าในวันแรกของเขาที่ ยูเวนตุส เขาเป็นแชมป์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ยังแพงเกินไป”

“ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับ ยูเวนตุส พวกเขาจ่ายให้ โรนัลโด้ 1 ล้านยูโรต่อประตูอยู่หรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ อันเญลี่ (อันเดรีย อันเญลี่ ประธานสโมสรคนปัจจุบัน) ต้องวิจารณ์ตัวเองในเรื่องนี้” จิกลี่ กล่าวเช่นนั้น 

นี่แค่เสียงวิจารณ์ส่วนหนึ่ง ยังมีคนในวงการฟุตบอลอิตาลีมากมายที่พูดถึง โรนัลโด้ ในแง่ของการด้อยค่า และไม่เหมาะกับทีมชุดปัจจุบันที่กำลังสร้างทีมเลือดใหม่ ดึงนักเตะอายุน้อย ๆ ที่มีแววอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า, อาร์ตูร์ เมโล่, มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์, เวสตัน แม็คเคนนี่ และ ไคโอ ฮอร์เก้ เป็นต้น 

 

“ผมไม่ผิดหวังกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เขาต้องการออกจากยูเวนตุส และเขาเลือกได้ เขาจะมองหาสโมสรใหม่หลังจากอยู่ที่นี่มา 3 ปี มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ทุกคนต้องก้าวต่อไป” นี่คือสิ่งที่ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี โค้ชใหม่หน้าเก่าของ ยูเวนตุส ว่าไว้ ซึ่งค่อนข้างชัดว่าเขาพร้อมแล้วกับทีมที่ไม่มี โรนัลโด้ 

จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ นานวันเข้า โรนัลโด้ ก็ให้ในสิ่งที่ยูเวนตุสต้องการจากเขาไม่ได้ และทำให้ยูเว่ “เปิดกว้าง” สำหรับการย้ายทีม … โรนัลโด้ เริ่มส่งสัญญาณให้เอเยนต์ส่วนตัวของเขา ฮอร์เก้ เมนเดส หาทีมใหม่ที่จะทำให้เขากลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ได้รับทั้งความเคารพและอยู่บนจุดสูงสุดในแง่ของการตลาดอีกครั้ง 

เมนเดส ต่อสายตรงถึงบิ๊กทีม และสโมสรแรกที่ต้องการตัว โรนัลโด้ ก็ติดต่อมา ทีม ๆ นั้นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ … จากนั้นเรื่องราวสุดอลวนชั่วข้ามคืนก็เกิดขึ้น

โรนัลโด้ – แมนฯ ซิตี้ 

ฮอร์เก้ เมนเดส ทำงานของเขาอย่างรวดเร็ว เขาเก่งอยู่แล้วในเรื่องนี้ แมนฯ ซิตี้ คือทีมที่กำลังสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพวกเขา สโมสรมีความทะเยอทะยานสูง พร้อมทุ่มเงินค่าตัวและค่าเหนื่อยให้นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ เพื่อทำให้ทีมยกระดับจากทีมเศรษฐีมีเงิน กลายเป็นทีมที่ “ยิ่งใหญ่” โดยใครก็ไร้ข้อกังขา

 

โรนัลโด้ จะไป แมนฯ ซิตี้ คือเรื่องที่หลายคนนึกภาพแทบไม่ออก เพราะเขาเคยเป็นนักเตะของ ยูไนเต็ด แม้จะจากทีมไปแล้วกว่า 12 ปี แต่ความเป็นไอคอนและภาพความทรงจำอันหอมหวาน ทำให้ไม่มีแฟนบอลปีศาจแดงคนไหนไม่รัก โรนัลโด้ จึงเกิดความสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาย้ายไปอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ 

ประเด็นคือเรื่องดังกล่าวไม่ใช่แค่ข่าวลือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กำลังต้องการนักเตะตำแหน่งสไตรเกอร์ที่สามารถเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูได้ และ โรนัลโด้ คือนักเตะประเภทนั้น เดิมทีพวกเขาอยากจะได้ แฮร์รี่ เคน กองหน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มากกว่า แต่มีปัญหาเรื่องราคาที่แพงเกินไป (สเปอร์ส ตั้งค่าตัวที่ 150 ล้านปอนด์) จนทำให้สุดท้าย เคน ต้องออกมายืนยันด้วยตัวเองว่า “ไม่ย้ายทีมแน่นอน” 

ยูไนเต็ด อยากได้หรือไม่ในช่วงเวลาที่ เมนเดส เร่ขาย โรนัลโด้ ? คำตอบคือ ไม่ … พวกเขาบอกปัดในทีแรก สื่อหลายเจ้าก็ยืนยันว่า ยูไนเต็ด ไม่เคยต้องการที่จะดึงตัว โรนัลโด้ กลับมา ณ ซัมเมอร์นี้ 

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา มีแผนงานของตัวเองชัดเจน เขามีทีมที่เขาต้องการและค่อย ๆ สร้างขึ้นมาจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อย ๆ (เชื่อกันว่า นักเตะเป้าหมายในตำแหน่งสไตรเกอร์คือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซึ่งจะทาบทามในตลาดหน้าร้อนปี 2022) แหล่งข่าวจาก The Athletic ยังยืนยันอีกว่า โรนัลโด้ ได้บอกให้เมนเดสติดต่อมายัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ไร้เสียงตอบรับจาก โอลด์ แทรฟฟอร์ด

 

หนำซ้ำสิ่งที่น่าปวดจิตสำหรับ โรนัลโด้ คือ เขาอยากจะย้ายออกจาก ยูเวนตุส แต่กลับไม่มีทีมไหนที่พร้อมจะสู้ค่าเหนื่อยของเขาในเวลานี้ เรอัล มาดริด ประสบปัญหาเรื่องการเงิน และไม่มีแผนจะดึงฮีโร่กลับบ้าน คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของทีมบอกด้วยตัวเองว่า ดีล โรนัลโด้ จะไม่เกิดขึ้น และมันค่อนข้างชัดว่า มาดริด กำลังพร้อมจะใช้เงินทั้งหมดที่มีไปกับนักเตะแห่งอนาคตอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าดีกรีแชมป์โลกจาก ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มากกว่า 

นอกจากมาดริดแล้ว เปแอสเช ก็เป็นอีกทีมที่เมนเดสเดินหน้าเจรจาด้วย ทว่า เปแอสเช ก็ไม่พร้อมสำหรับ โรนัลโด้ ในซัมเมอร์นี้ พวกเขาเพิ่งจ่ายหนักเพื่อ ลิโอเนล เมสซี่ มาหมาด ๆ (ในส่วนของค่าเหนื่อย เพราะ เมสซี่ ย้ายแบบไม่มีค่าตัว) จนยังไม่พร้อมจะจ่ายค่าตัว โรนัลโด้ ให้กับ ยูเวนตุส แต่หลังจากจบฤดูกาล 2021-22 โรนัลโด้ จะเป็นนักเตะฟรีเอเยนต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ เปแอสเช ดูจะอยากเจรจามากกว่า … คำตอบ “ตอนนี้ไม่” นั้น สร้างความหนักใจให้กับ โรนัลโด้ เป็นอย่างมาก 

“คริสเตียโน่ รู้สึกหมดหวังอย่างยิ่งที่จะย้ายออกจากตูริน สู่สภาพแวดล้อมที่จะทำให้เขามีความสุขมากขึ้น” นี่คือสิ่งที่แหล่งข่าวบอก และมันสรุปได้ว่าปลายทางของ โรนัลโด้ เหลือเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เดียวเท่านั้น 

หากการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นจริง มันจะกลายเป็นดีลประวัติศาสตร์ของทีมเรือใบสีฟ้า พวกเขาจะได้รับความสนใจมากขึ้นในหน้าสื่อเมื่อมี โรนัลโด้ อยู่ในทีม ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ ซิตี้ จะเดินหน้าเต็มพิกัด จนถึงขั้นที่มีข่าวบอกว่า “ตกลงเซ็นสัญญากันแล้ว” อีกต่างหาก

แมนฯ ซิตี้ มีแต่ได้กับได้ ทั้งในแง่ของการแข่งขันและแทคติกที่พวกเขากำลังต้องการใครสักคนมายิงประตูให้ ขณะที่มูลค่าด้านการตลาดไม่ต้องพูดถึง โรนัลโด้ จะนำพาผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่ง จากยอดผู้ติดตาม 334 ล้านคนในอินสตาแกรมของเขา นี่คือการขยับที่มองตรงไหนก็วิน  

ทว่าในขณะที่ฝั่งสีฟ้าอย่าง ซิตี้ กำลังได้ปิดดีล ฝั่งสีแดงอย่าง ยูไนเต็ด ก็ทบทวนสิ่งต่าง ๆ เป็นครั้งสุดท้าย พวกเขาถามตัวเองว่า จะปล่อยให้ ซิตี้ ได้ตัว โรนัลโด้ ไปจริงหรือ ? ถึงเวลานั้นพวกเขารับได้จริงไหม ? … คำตอบตกผลึกอย่างรวดเร็ว และมันชัดเจนว่า “ยอมไม่ได้” ดังนั้นจากที่ไม่เคยสนและเคยบอกปัด เมนเดส มาแล้ว 1 ครั้ง ยูไนเต็ด กระโดดลงสนามแห่งการต่อรอง 

เพียงแต่ว่า การต่อรองครั้งนี้ใช้ความโรแมนติก มากกว่าเรื่องของผลประโยชน์เท่านั้นเอง…

นิยายน้ำเน่าที่ขายได้ตลอดกาล

เหตุผลเรื่องฟุตบอลสำหรับการย้ายทีมของ โรนัลโด้ จากยูเวนตุสมายัง แมนฯ ยูไนเต็ด มีน้อยมาก อย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น หาก ยูไนเต็ด ต้องการ โรนัลโด้ จริง ๆ พวกเขาคงตอบรับข้อเสนอจาก เมนเดส ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่รอให้เกิดดีลสายฟ้าแลบชนิดที่มองจากดาวอังคารยังรู้ว่าเป็น “สถานการณ์ฉุกเฉิน” เช่นนี้ 

เหตุผลเดียวคือ พวกเขาทำใจไม่ได้ที่จะเห็น โรนัลโด้ เล่นให้กับคู่ปรับอย่าง แมนฯ ซิตี้ … นอกจาก ซิตี้ จะได้สไตรเกอร์มืออาชีพและพื้นที่บนหน้าสื่อมากขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคือศักดิ์ศรี ที่งานนี้ทีมงานฝั่ง ยูไนเต็ด ออกตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นอันแน่ชัดว่า ถ้าจะปล่อยไอคอนของสโมสรอย่าง โรนัลโด้ ไปเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ พวกเขายอมทำลายแผนงานของตัวเอง และดึง โรนัลโด้ กลับบ้านยังดีเสียกว่า 

“นรกแตกแน่ ๆ ถ้าครั้งนี้พวกเรายังเมินที่จะเซ็นสัญญา คริสเตียโน่ อีกครั้ง” นี่คือคำที่สื่อใช้อ้างว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นคนกล่าวออกมาในการประชุมบอร์ดบริหาร 

เฟอร์กี้ และ โรนัลโด้ มีความสัมพันธ์กันแบบพ่อกับลูก ตั้งแต่ ยูไนเต็ด คว้าตัวจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 2003 ก่อนจะแยกย้ายกันไปในปี 2009 เพื่อให้ โรนัลโด้ เติมเต็มฝันของเขาที่ เรอัล มาดริด … หลังจาก เฟอร์กี้ วางมือในปี 2013 เขาไม่ค่อยได้ยุ่งเกี่ยวและใช้สิทธิ์ในการเป็นคณะกรรมการกิตติมศักดิ์ของทีมตัดสินใจอะไรนัก แต่ครั้งนี้ เฟอร์กี้ ต้องออกลุยเอง 

เขาต่อสายไปยัง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ใกล้จะเป็นนักเตะของ แมนฯ ซิตี้ อยู่รอมร่อ เพื่อบอกให้รู้ว่าสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คิดเช่นไรกับเขา ซิตี้ ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด และทีมเก่าของเขาทีมนี้ ต้องการให้ โรนัลโด้ กลับบ้านขนาดไหน 

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เองก็รับลูกเรื่องนี้ เขารีบต่อสายหา เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานสโมสร รวมถึง จอห์น เมอร์เท่อห์ ผู้อำนวยการฟุตบอล และ แมตต์ จัดจ์ หัวหน้าทีมเจรจาซื้อขาย เพื่อถามความเห็นว่า ยูไนเต็ด สามารถเข้าแข่งขันในการล่าลายเซ็น โรนัลโด้ ครั้งนี้ได้หรือไม่ การสนทนาเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และทุกคนตกลงกันว่า “เราจะพา โรนัลโด้ กลับบ้าน” 

จากนั้นทีมงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด แทบทุกฝ่ายเริ่มทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน … เฟอร์กี้ คุยกับโรนัลโด้ตลอดทั้งวันเพื่อโน้มน้าวให้ โรนัลโด้ ตัดสินใจ นอกจากนี้เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ฮอร์เก้ เมนเดส เอเยนต์ของ โรนัลโด้ อีกด้วย เพื่อให้ เมสเดส ช่วยผลักดันการย้ายทีมให้มายังฝั่ง ยูไนเต็ด มากกว่า ซึ่ง เมนเดส ที่มีส่วนในการตัดสินใจของ โรนัลโด้ ยังไงก็ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะแม้เขาจะมีนักเตะของ ซิตี้ อย่าง เชา คันเซโล, แบร์นาโด้ ซิลวา และ รูเบน ดิอาส ในการดูแล แต่อย่างที่บอก เฟอร์กี้ กับ เมนเดส มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แน่ ๆ คือดีกว่า มิโน ไรโอลา คนนึงชัวร์

ด้าน โซลชา เดินหน้าไม่มีกั๊ก เขาเปิดเผยผ่านสื่อก่อนเกมดวลกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในวันอาทิตย์นี้ว่า “หาก โรนัลโด้ จะย้ายออกจาก ยูเวนตุส เขารู้ว่าพวกเราอยู่ไหน” 

“คริสเตียโน่ เป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้ เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ถ้าคุณถามผม ผมโชคดีที่เคยได้เล่นกับเขา และคงเยี่ยมมาก ๆ หากได้ร่วมงานกับเขาตอนที่ผมทำงานเป็นเฮดโค้ช” เป็นอันสรุปได้ว่า โอเล่ เปิดกว้างสำหรับการมี โรนัลโด้ เป็นลูกทีมอย่างแน่นอน 

ขณะที่กลุ่มนักเตะและอดีตนักเตะ ยูไนเต็ด ก็ทำงานของตัวเองอย่างแข็งขัน บรูโน่ แฟร์นันด์ส ขุนพลชุดปัจจุบันที่มี โรนัลโด้ เป็นไอดอล โพสต์ภาพวาดเป็นฉากตอนที่เขายังเด็ก สวมเสื้อหมายเลข 7 ของ โรนัลโด้ สมัยเล่นให้กับ ยูไนเต็ด กำลังดูการแข่งขันผ่านโทรทัศน์ พร้อมกับข้อความ “ไม่เคยหยุดฝัน” พร้อมแท็กไปหาเฟซบุ๊กของ โรนัลโด้ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังโทรหา โรนัลโด้ เพื่อช่วยโน้มน้าวด้วย

ด้าน ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ปาทริซ เอฟร่า 2 อดีตผู้เล่นที่อยู่ในยุคเดียวกับตอน โรนัลโด้ เล่นให้ ยูไนเต็ด ก็ทำงานอย่างเต็มที่เช่นกัน พวกเขาต่างคุยผ่านโทรศัพท์และส่งข้อความหา โรนัลโด้ ในการย้ายทีมครั้งนี้อย่างบ้าคลั่ง 

การที่ทุกฝ่ายตั้งแต่นักเตะถึงบอร์ดบริหารของ ยูไนเต็ด แสดงออกว่าการย้ายทีมครั้งนี้ของ โรนัลโด้ สำคัญกับพวกเขามาก “หากไม่รักก็เกลียดเลย” คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นภายใต้การเซ็นสัญญากับ โรนัลโด้ ว่าจะเลือกฝั่งไหน นี่คือสิ่งที่ทำให้ โรนัลโด้ คิดมาก 

บนโต๊ะเจรจาที่มี โรนัลโด้ และ เมนเดส นั่งคุยกันในเรื่องนี้ ดูเหมือนว่า เมนเดส จะทำในสิ่งที่ส่งผลต่อการตัดสินใจของ โรนัลโด้ เป็นอย่างมาก เมื่อเขาเริ่มบอกกับ โรนัลโด้ ว่า หากเขาเลือก ซิตี้ และปฏิเสธ ยูไนเต็ด อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง

นี่คือเรื่องของการตลาดและมูลค่าในตัวของ โรนัลโด้ ล้วน ๆ … โรนัลโด้ จะต้องเสียฐานแฟนคลับของตัวเองหลายสิบล้านคนที่เป็นแฟน ยูไนเต็ด นอกจากนี้เรื่องราวโรแมนติกระหว่างเขาและแฟนบอลปีศาจแดง จะจบลงในแบบที่ตัวเขาเองไม่อยากให้เกิดขึ้น คิดง่าย ๆ ว่า แค่มีข่าวย้ายทีมก็เริ่มมีการเผาเสื้อกันแล้ว ในแง่ของความรู้สึกแล้ว พวกเขาไม่มีทางรับได้เลย 

ทุกอย่างมันมากพอที่จะทำให้ โรนัลโด้ เปลี่ยนใจ และฝั่ง แมนฯ ซิตี้ ก็รู้ดีว่า เมื่อ ยูไนเต็ด เดินหน้ากันพร้อมทั้งองค์กรเพื่อปิดดีลนี้ พวกเขาก็หมดสิทธิ์แทรกกลาง หลังจากที่ ยูไนเต็ด เข้าเจรจา แมนฯ ซิตี้ ก็ประกาศยอมแพ้ถอนตัวจากดีลนี้ทันที และจากนั้นไม่กี่อึดใจ สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ประกาศผ่านเว็บไซต์ของพวกเขาว่า คว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับถิ่นเก่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 

แค่ ยูไนเต็ด เอาจริง เรื่องนี้ก็จบ … โรนัลโด้ พูดเสมอว่าเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา ไม่เช่นนั้นเขาคงย้ายไปค้าแข้งในกาตาร์แล้ว และสิ่งสำคัญคือเขาอยากจะออกจาก ยูเวนตุส เพราะอยากกลับมามีความสุขในอาชีพนักเตะอีกครั้ง ซึ่งคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าระหว่าง ซิตี้ และ ยูไนเต็ด สโมสรไหนจะมอบให้เขาได้มากกว่ากัน 

จริงอยู่ที่ ซิตี้ คือทีมที่ดีกว่าในเวลานี้ และสามารถทำให้ โรนัลโด้ คว้าโทรฟี่ได้ง่ายกว่า แต่สำหรับ โรนัลโด้ ยูไนเต็ด มีความหมายกับเขา แฟน ๆ ที่นี่รักเขา และพร้อมจะสนับสนุนเขาโดยไร้เงื่อนไข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาสวมชุดแข่งของ ยูไนเต็ด อีกครั้ง 

“พี่เอ๊ย ไม่ต้องห่วง ผมจะเล่นให้กับทีมของเรา” นี่สิ่งที่ โรนัลโด้ พิมพ์ตอบกับ เอฟร่า ผ่าน WhatsApp ซึ่ง เอฟร่า เอามาเผยในภายหลัง และบอกว่าแชตนี้เกิดขึ้นใน 24 ชั่วโมงก่อนที่ดีลนี้จะเป็นข่าวใหญ่ และมันบอกได้ชัดเจนว่า โรนัลโด้ เองอยากจะอยู่ที่ไหนมากกว่ากัน 

ยูไนเต็ด ให้สิ่งที่ โรนัลโด้ ต้องการได้ “เกือบ” ทุกอย่าง ค่าเหนื่อยกว่า 480,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ มากที่สุดเท่าที่พวกเขาจะให้ได้ นอกจากนี้กระแสการย้ายทีมของ โรนัลโด้ ก็ชัดเจนว่ามันส่งผลบวกกับบรรยากาศสุดโรแมนติกที่เกิดขึ้น แฟน ๆ ตื่นตัวและอดใจรอฮีโร่ของพวกเขายิงประตูที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งแทบไม่ไหว ทุกฝ่ายแฮปปี้กับการย้ายทีมครั้งนี้ 

เหลืออย่างเดียวที่ ยูไนเต็ด ในมือของ โซลชา ต้องทำให้ได้ คือการส่ง โรนัลโด้ ไปให้ถึงตำแหน่งแชมเปี้ยน ให้สมราคากับนักเตะที่ไม่เคยไร้ความสำเร็จอย่างเขา 

เรื่องนี้เป็นการเดิมพันที่สูงมากสำหรับทั้งคู่ ยูไนเต็ด ไม่ได้คว้าแชมป์อะไรเลยมากว่า 4 ปีแล้ว ส่วนแชมป์ลีกนั้นไม่ได้มาเกือบจะ 10 ปี นี่คือความท้าทายและเป็นเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาต้องการนักเตะที่มีคาแร็กเตอร์ของแชมเปี้ยนอย่าง โรนัลโด้ อยู่ในทีม 

ขณะที่ โรนัลโด้ ที่โดนค่อนขอดและวิจารณ์มาเยอะว่าไม่เก่งเหมือนเก่าสมัยที่อยู่กับ ยูเวนตุส ก็ต้องพยายามพิสูจน์ว่าตัวเขาเองคือนักเตะเวิลด์คลาส ที่สามารถยกระดับทั้งทีมได้ ไม่ใช่การเป็น “ส่วนเกิน” แบบที่ใครเข้าใจ 

พวกเขาต้องการกันและกันมาเสมอ เพียงแค่มี แมนฯ ซิตี้ เข้ามาเป็นตัวละครที่ทำให้เรื่องราวความรักสุดโรแมนติกนี้มีความเข้มข้นมากขึ้นเท่านั้นเอง … นั่นคือเหตุผลว่าทำไม โรนัลโด้ ในวัย 36 ปี จึงกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง ที่ที่เขาเรียกว่า “ทีมของเรา” นั่นเอง 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ