ยุโรปหลายชาติขับนักการทูตรัสเซียอีก ไบเดนจี้เอาผิดปูติน ก่ออาชญากรรมสงคราม
วันที่ 5 เม.ย. บีบีซี รายงานสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศยูเครนที่ยืดเยื้อว่า นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรียกร้องการดำเนินคดีนายวลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ในข้อหาอาชญากรรมสงคราม และกล่างถึงผู้นำรัสเซียว่า “ผู้ชายคนนี้โหดร้าย”
“คุณอาจจำได้ว่าผมถูกวิจารณ์ที่เรียกปูตินเป็นอาชญากรสงคราม คุณเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชาแล้ว เขาเป็นอาชญากรสงคราม… แต่เราต้องรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดเพื่อสามารถพิจารณาคดีอาชญากรรมสงครามได้” นายไบเดนกล่าวถึงการสังหารพลเรือนในเมืองบูชา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ ซึ่งกองทัพรัสเซียถูกกล่าวหาว่าลงมือและเรียกเสียงประณามจากนานาชาติ
นายไบเดนกล่าวว่า การค้นพบความโหดร้ายของเมืองบูชาเป็นความอุกอาจและกล่าวว่าสิ่งสำคัญคือว่านายปูตินต้องรับผิดชอบต่อความโหดร้ายดังกล่าวจากฝีมือกองทัพรัสเซียในยูเครน นายไบเดนเสริมว่าจะพยายามกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย
ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐมีขึ้นหลังแมกซาร์เทคโนโลยีเผยภาพถ่ายใหม่ทางดาวเทียมจากเมืองบูชาเมื่อวันที่ 19 มี.ค. แสดงให้เห็นร่างผู้เสียชีวิตบนถนนในช่วงที่กองทัพรัสเซียยึดครอง
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์วิเคราะห์ภาพถ่ายดังกล่าว พบว่าร่างผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย อยู่บนถนนตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค. เป็นช่วงเวลาที่กองทัพรัสเซียยังควบคุมเมืองบูชา หักล้างที่รัสเซียอ้างก่อนหน้านี้ว่าไม่มีพลเมืองคนใดในเมืองบูชาได้รับความเดือดร้อนภายใต้การยึดครองของรัสเซีย ส่วนวิดีโอและภาพถ่ายจากเมืองบูชาเป็นการจัดฉากโดยยูเครน อ้างว่าปรากฏหลังกองทัพรัสเซียถอนกำลังออกไปแล้ว แต่ไม่มีหลักฐานใดมายืนยัน
ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐระบุว่า กำลังให้การสนับสนุนคณะอัยการระหว่างประเทศที่จะไปเมืองบูชาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ
นายโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แถลงสดทางโทรทัศน์เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 4 เม.ย. กล่าวหารัสเซียว่าก่ออาชญากรรมสงคราม และชี้ว่ารัฐบาลตินจะพยายามปกปิดหลักฐานความโหดร้ายอื่นๆ
“ผมแน่ใจว่าคุณรู้ถึงกลวิธีเก่าๆ ของนักโฆษณาชวนเชื่อชาวรัสเซียที่พยายามปฏิเสธข้อกล่าวหาของกองทัพรัสเซียตลอดเวลา ตอนนี้พวกเขากำลังทำสิ่งเดียวกัน โกหกเหมือนกัน พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง แต่จะไม่สำเร็จ พวกเขาจะไม่สามารถหลอกลวงคนทั้งโลกได้” นายเซเลนสกีกล่าว
รัสเซียลั่นอตอบโต้เท่าเทียม-ยุโรปขับนักการทูตอีก
วันเดียวกัน เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานว่า บรรดาชาติยุโรป ขับนักการทูตรัสเซียออกนอกประเทศอีก ได้แก่ ฝรั่งเศส ประกาศขับนักการทูต 35 คน ที่ทำกิจกรรมขัดต่อผลประโยชน์ความมั่นคงฝรั่งเศส เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่ยุโรปดำเนินการร่วมกันหลังรัสเซียรุกรานยูเครน
ขณะที่เยอรมนีประกาศขับนักการทูตจำนวนหนึ่ง เพื่อตอบโต้ความโหดร้ายที่ไม่น่าเชื่อในยูเครน เอเอฟพีระบุว่า เยอรมนีน่าจะขับนักการทูต 40 คน ส่วนเดนมาร์กประกาศขับนักการทูต 15 คน อิตาลีประกาศขับนักการทูต 30 คน สเปนขับนักการทูต 25 คน และลิทัวเนียประกาศเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวิลนีอุส
นายดมีตรี เมดเวเดฟ รองประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงรัสเซีย และอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะตอบโต้การขับนักการทูตรัสเซียของชาติตะวันตกด้วยมาตรการเท่าเทียมกัน
“ทุกคนก็รู้คำตอบ มันจะเป็นไปอย่างเท่าเทียมกัน และจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์สองประเทศ หากเป็นอย่างนี้ต่อไปจะเหมือนที่ผมเคยเขียนวันที่ 26 ก.พ. ที่จะปิดประตูใส่สถานทูตตะวันตก” นายเมดเวดเฟโพสต์ในช่องเทเลแกรมและว่า การกระทำเช่นนี้จะมีค่าน้อยลงกับทุกคน และสุดท้ายจะจบลงด้วยการไม่มองหน้ากันด้วยทางอื่นนอกจากการเล็งปืนเท่านั้น