ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น. นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานจาก นายอำเภอพนม ว่า ทีมค้นหาได้ยุติภารกิจในเวลา 17.00 น. เนื่องจากมีฝนตกหนัก และสภาพมืดมากเป็นอุปสรรคไม่สามารถค้นหาต่อได้ จึงถอนกำลังกลับมายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสก เพื่อสรุปผลและวางแผนการปฏิบัติงานค้นหาใหม่

นายสุเชาว์ กล่าวว่า มีพยานเป็นชาวบ้านในพื้นที่ 3 คนที่พบ MR.Gollino ก่อนหายตัวไป โดยคนแรกชื่อลุงชัย พบเมื่อวันที่ 12 พ.ย. เวลา 11.00 น. สอบถามเส้นทางไปยังเขาพันธุรัตน์ บอกว่าต้องการไปบินโดรน จึงให้ทีมค้นหาบริเวณเส้นทางที่คาดว่าผู้สูญหายจะเข้าไปเขาพันธุรัตน์ ซึ่งอยู่ในบริเวณวัดถ้ำพันธุรัตน์ แต่ไม่พบร่องรอย

ต่อมาพยานคนที่ 2 ชื่อลุงสง่า คนก่อสร้างป้อมยามหน้าวัดถ้ำพันธุรัตน์ ได้พบ MR.Gollino สะพายเป้และถือไม้เท้าสำหรับเดินป่าผ่านเข้าไปในวัดเวลา 11.30-12.00 น. จากนั้นช่วง 15.00-16.00 น. ได้ลงมาขอให้ลุงสง่าช่วยขึ้นไปหาโดรนที่ตกบนภูเขา โดยชี้ไปยังสันเขาที่อยู่บริเวณหน้าอุโบสถ์ และจะว่าจ้างเป็นเงิน 2,000 บาท แต่ลุงสง่าไม่สามารถขึ้นไปได้ MR.Gollino เดินกลับออกมาทางถนน ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบ MR.Gollino เดินเข้าไปในวัดประมาณ 11.47 น. แต่ไม่พบภาพออกมาจากวัดแต่อย่างใด

นายสุเชาว์ กล่าวต่อว่า จากคำบอกเล่าพบว่ามีสะพานที่สามารถเดินขึ้นไปบนสันเขาได้ แต่มีสภาพชำรุด จึงวางแผนให้ทีมค้นหาลงไปตรวจสอบพื้นที่คาดว่าผู้สูญหายจะเดินเข้าไป โดยแบ่งเป็น 3 ทีมชุดที่ 1 เดินขึ้นเขาพันธุรัตน์ ชุดที่ 2 ค้นหาบริเวณ Nature Resort และชุดที่ 3 ค้นหาเส้นทางจากรีสอร์ตมายังบ้านลุงชัย แต่ไม่พบตัว

นายสุเชาว์ กล่าวต่อว่า ชุดที่ 3 ได้ไปเจอพยานคนที่ 3 แจ้งว่า พบผู้สูญหายที่มาบินโดรนบริเวณใกล้ๆ และโดรนได้หายไป ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของพยานรายที่ 1 และ 2 คาดว่า MR.Gollino กลับเข้าไปบริเวณเขาพันธุรัตน์เพื่อตามหาโดรนด้วยตัวเองอีกครั้งและอาจจะเกิดอุบัติเหตุไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งทีมจะเร่งออกค้นหาต่อไปจนกว่าจะพบตัว