เพื่อไทย ติง ประยุทธ์ ยึดติดอำนาจ กระทบความน่าเชื่อถือของประเทศ แนะมีจิตสำนึก เลิกหลงตัวเอง ยิ่งอยู่ ประเทศยิ่งเสื่อม ยกบันทึกกรธ.ชี้ชัดไม่ให้อยู่เกิน 8 ปี
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2565 นายพชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตามที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยในประเด็นครบวาระ 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น พล.อ.ประยุทธ์น่าจะรู้ดีว่าการออกแบบจำกัดเวลาไว้ที่ 8 ปี เพื่อเสถียรภาพและดุลยภาพของประเทศ เกินจากนี้ระบบราชการจะถดถอย จะยึดติดตัวบุคคล ไม่มีการพัฒนา ลดทอนขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งปรากฏให้เห็นแล้ว จากการจัดลำดับความสามารถแข่งขันของ IMD สวิตเซอร์แลนด์
ในระบบราชการเองก็มีระเบียบวาระในการดำรงตำแหน่ง เช่น ปลัดกระทรวง และอธิบดี เพื่อไม่ให้เกิดการฝังราก การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯขณะนั้น ต่อวาระ ผบ.ทบ. ในช่วงพล.อ.ประยุทธ์ เป็น ผบ.ทบ.เองก็ได้เห็นการปฎิวัติรัฐประหารเป็นตัวอย่าง ทั้งที่สามารถโยกย้ายและควรจะโยกย้าย และถ้าทำตอนนั้น ก็จะไม่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว
นายพชร กล่าวว่า การจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในตำแหน่งนายกฯต่อ ทั้งที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ลึกไปถึงเจตนารมณ์ของ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสมาชิกก็บันทึกไว้ชัดเจน ตนอยู่ในเหตุการณ์ตอนนายเธียรชัย ณ นคร หนึ่งในกรธ. มาเล่าให้นายพิชัย นริพทะพันธุ์ เรื่องเจตนาของกรธ. ที่ไม่ต้องการให้พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เกิน 8 ปีเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว แต่ยังพยายามกดดันให้ศาลตัดสินตามความต้องการของตน ย่อมส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยเฉพาะการดึงดูดการลงทุนรายใหม่
“พล.อ.ประยุทธ์ ต้องสำนึกได้แล้วว่า ที่ผ่านมาบริหารประเทศล้มเหลว ประชาชนลำบากอย่างมาก ประเทศไม่ได้พัฒนาแม้จะใช้งบประมาณไปแล้วอย่างมาก ยิ่งอยู่ต่อ ประเทศยิ่งเสื่อมถอย การดันทุรังจะทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ อยากให้ทราบว่าไม่มีคนใดที่ประเทศใดประเทศหนึ่งขาดไม่ได้ ดังนั้น เลิกยึดติดและหลงตัวเอง ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติของโลก” นายพชร กล่าว